บิ๊กไอเดีย 'เกรียงไกร-เฉลิมชัย' สู่ปฐมบท 'วัดร่องขุ่นไลท์เฟส'

บิ๊กไอเดีย 'เกรียงไกร-เฉลิมชัย' สู่ปฐมบท 'วัดร่องขุ่นไลท์เฟส'

ในห้วงเวลาที่ “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว​” กลายเป็นลมหายใจคืนชีพเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย การท่องเที่ยวเสพธรรมชาติเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการแตกต่างกันไป

ทำให้การสร้างกิจกรรมหรืออีเวนท์ที่สร้างเสน่ห์ (Attraction) รังสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างจากเดิม เพื่อเป็น จุดขาย ดึงดูด นักท่องเที่ยว ทั้งไทยและต่างชาติ เสริมจุดแข็งเดิมที่มีทางธรรมชาติ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ

เชียงรายหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะนอกจากเมืองที่เงียบสงบ ธรรมชาติมากมาย ยังเกิดโครงการสิงห์ปาร์ค เชียงราย มีกิจกรรมแม่เหล็กทั้งสิงห์ฟาร์มเฟส เทศกาลบอลลูนนานาชาติ และอื่นๆ ช่วยบูมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้อย่างมาก

ขณะที่ อีกไฮไลท์ขาดไม่ได้ คือวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ศิลปะ บ้านดำ และ วัดร่องขุ่น” ซึ่งแต่ละปีมีผู้ไปเยือนจำนวนมาก ทำให้ เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เห็นโอกาสในการสร้างสรรค์อีเวนท์ที่ช่วย เสริม การท่องเที่ยวให้จังหวัดเชียงรายมีความตื่นตาตื่นใจแก่นักเดินทางมากขึ้น

เกรียงไกร บอกว่า การเดินทางมาเชียงรายหลายปีติดต่อกันเพื่อหา โอกาส” ใหม่ๆ และวันหนึ่งเวลา 9 นาฬิกา มีนัดพบปะ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ผู้อุทิศตนสร้างงานพุทธศิลป์ให้กับวัดร่องขุ่นมาอย่างยาวนาน เมื่อเห็นความเงียบสงบยามเช้าภายในวัด ทำให้ผุดไอเดียในการสร้างอีเวนท์ การแสดงสด หรือ Live Performance ขึ้นมาทันที จึงนำเสนอแก่อาจารย์ฯ

การลุ้นคำตอบดูเหมือนยากและง่ายในที เพราะมีเพียง ทำ กับ ไม่ทำ” เมื่อสมหวังว่าทำและมีเพียงสัญญาใจ ผ่านไปร่วมปีโปรเจคยังไม่เริ่ม เพราะระหว่างทางมีกระแส หมูป่าติดถ้ำ อาจารย์มีงานศิลปะปั้นจ่าแซม ทำให้ยังไม่คอนเฟิร์มกัน

ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ และแน่ชัดว่าโปรเจคเกิดแน่ การแสดงแสงสีเสียงรวมถึงละครเวที วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส” ตอน ปฐมบท (Wat Rong Khun Light Fest, Episode : Begins) จึงนำเสนอต่อสายตาประชาชนระหว่างวันที่ 22 พ.ย. - 22 ธ.ค. 2562 และขายบัตรเกิดล่วงหน้า 6 เดือน

เมื่อ 2 ศิลปิน ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะต่างขั้วผนึกพลัง งานวัดร่องขุ่นไลท์เฟสฯ จึงได้ผลตอบรับจากคนดูค่อนข้างดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มีกำลังซื้อสูงแห่จองบัตรมาชมงานเพียบรับไลฟ์สไตล์เกษียณสำราญ ส่งผลให้ตลอด 1 เดือนมียอดผู้เข้าชมราว 2.5 หมื่นราย สร้างเม็ดเงิน 35 ล้านบาท แม้จะต่ำกว่าเป้าหมายพอสมควรโดยเฉพาะ รายได้ แต่ถือเป็นจุดสตาร์ทในการสร้างโปรเจค Atrraction ดึงนักท่องเที่ยวไปสู่จังหวัดอื่นๆ รวมถึงจ้างงานในพื้นที่ด้วย เพราะวัดร่องขุ่น ไลท์ เฟสฯ จ้างงานร่วม ร้อยชีวิต ทั้งนักแสดงมิวสิคคัล 53 คน จ้างเจ้าหน้าที่ 30 คน เจ้าหน้าที่ในวัดช่วยดูแล 42 คน จาก และเจ้าหน้าที่วัดประสานงานอีก 150 คน ที่สำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้ทวีคูณยิ่งขึ้น (Multiplier effect) หลัก ร้อยล้านบาท

จบงานวัดร่องขุ่น เกรียงไกร ยังมองการจัดอีเวนท์ในจังหวัดใหม่ๆ เพิ่มโดยเฉพาะ เมืองรอง” เพราะการแข่งขันไม่สูง Attraction ยังไม่มากนัก พร้อมล็อกเป้าไปยังภาคเหนือและอีสาน ส่วนกลุ่มเป้าหมายยังเน้นเจาะ ผู้สูงวัย รับเทรนด์ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ พร้อมวางแผนมี 3-4 งาน และผลักดันให้เป็นมีอีเวนท์ประจำจังหวัดที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยือน ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีรายได้หลักมากกว่า 100 ล้านบาท

กลยุทธ์การจัดอีเวนท์ของเราจะอิงตลาดท่องเที่ยว เพราะเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การจัดอีเวนท์จะเป็นรูปแบบใหม่ๆ ไม่ให้ซ้ำเพื่อดึงนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก และเป็นวัยเกษียณ เพราะเป็นตลาดที่มีการเติบโต แต่ไม่ค่อยมีผู้ประกอบการจัดอีเวนท์เพื่อรองรับกลุ่มเหล่านี้ ส่วนใหญ่เน้นจับตลาดวัยรุ่น วัยทำงาน ซึ่งมีเงินแต่ไม่มีเวลา แต่ผู้สูงวัยมีทั้งเงินและเวลา เห็นจากงานวัดร่องขุ่นไลท์เฟส จะมาเป็นกรุ๊ปขนาดใหญ่ วันธรรมดายังจัดงานได้ และคนดูรีบมางานเร็วเพื่อชมการแสดง

ด้านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กล่าวกับผู้เข้าชมการแสดงวัดร่องขุ่นไลท์เฟสฯว่า ช่วงเปิดให้ชมงาน 2 วันแรก นักท่องเที่ยวไม่เข้าใจวิธีการรับชมมากนัก ทำให้ปรับแนวทางด้วยการเป็นผู้แนะนำการแสดงในแต่ละจุด ส่งผลให้ยอดผู้ชมเพิ่มจำนวนขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การจัดงานครั้งนี้ ยอมรับว่าขาดทุน แต่ถือเป็นการทำเพื่อประเทศชาติ

“2 วันแรกที่มองดูผู้ชมการแสดง เสียใจมาก ทำแทบตายไม่ดูกันเลย ผมเลยต้องมาพูดทุกวันเพื่อให้คนดูเข้าใจสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เรามีการลดรอบการแสดงจาก 60 รอบ เหลือ 36 รอบ เราจึงเจ๊ง..เจ๊งกระจาย แต่ความเจ๊งมันดี ได้อารมณ์ เพราะเป็นการเจ๊งเพื่อชาติ งานนี้ทำร่วมกับ เกรียงไกร คนนี้บ้า เป็นผู้บริหารบริษัทอีเวนท์ที่ดีสุดในไทย รั้งอันดับ 7 บริษัทอีเวนท์โลก เราร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะไลท์เฟส ซึ่งแต่ละจุดการแสดงเกิดขึ้นสั้นมาก แต่เป็นศิลปะแสดงด้วยแสงสีเสียงบนประติมากรรมอันงดงามของวัดร่องขุ่น”