กลุ่มต้าน“พระคึกฤทธิ์”ยอมประกาศขอขมาโทษ

กลุ่มต้าน“พระคึกฤทธิ์”ยอมประกาศขอขมาโทษ

“พระคึกฤทธิ์” ชนะคดี กลุ่มต้านยอมประกาศขอขมาโทษ ปิดเพจเฟสบุ๊ค “เปิดธรรมที่ถูกนักบวชคึกฤทธิ์บิดเบือน” พร้อมถอนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ศาลนัดถอนฟ้อง 7 ม.ค.63

วันนี้ (22 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดธัญบุรี ได้นัดไกล่เกลี่ยคดีหมายเลขดำที่ 1719/2562 ในข้อหาฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ระหว่าง พระอธิการคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล โดยนายนฤเบศวร์ ทองแดง ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์ กับนางณัฐนันท์ สุดประเสริฐ จำเลย

โดยคู่ความทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาตกลงกันได้ และจำเลยได้มีการประกาศขอขมาโทษและจัดทำบันทึกข้อตกลง จึงเห็นควรให้จำหน่ายคดีชั่วคราว และให้เลื่อนไปนัดพร้อม หรือนัดถอนฟ้องในวันที่ 7 ม.ค. 2563 เวลา 09.00น.

สำหรับบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ระบุว่า

1.จำเลยตกลงยินยอมประกาศขอขมาโทษพระอธิการคึกฤทธิ์

2.จำเลยตกลงยินยอมนำข้อความประกาศขอขมาโทษ ไปเผยแพร่ในเพจเฟสบุ๊ค ชื่อ “ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ” ของจำเลย เป็นเวลา 15 ครั้งๆละ 1 วัน รวม 15 วัน และขอรับรองว่ากลุ่มเฟสบุ๊ค ชื่อ “เปิดธรรมที่ถูกนักบวชคึกฤทธิ์บิดเบือน” หรือ “เปิดธรรมฯ” ได้มีการปิดเพจเฟสบุ๊คไปเรียบร้อยแล้ว และจำเลยจะทำการลบข้อความหมิ่นประมาท หรือที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทย์ทั้งหมด แล้วจำเลยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพจเฟสบุ๊คดังกล่าว และไม่ยุ่งเกี่ยวหรือโพสต์กล่าวหาให้ร้ายโจทก์หรือวัดนาป่าพงอีกต่อไป

3.ตามที่จำเลยเคยไปร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และเจ้าคณะตำบลลำลูกกา จ.ปทุมธานี เรื่องกระทำผิดพระวินัย และเรื่องอื่นๆนั้น การร้องเรียนดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจผิด จำเลยตกลงยินยอมทำหนังสือถอนข้อร้องเรียนทั้งหมด

4.จำเลยตกลงยินยอมปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงนี้อย่างเคร่งครัด หากจำเลยกระทำผิดข้อตกลงข้อหนึ่งข้อใด ให้ถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และยินยอมให้โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลดำเนินคดีและมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยต่อไป หากจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงครบถ้วน โจทก์ตกลงยินยอมยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีนี้ต่อศาลต่อไป เพื่อเป็นการยุติคดีนี้ต่อกัน

สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องมากจาก นางณัฐนันท์ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูล ข้อความ โจมตีพระอธิการคึกฤทธิ์ ผ่านทางเพจเฟสบุ๊ค ชื่อ “เปิดธรรมที่ถูกนักบวชคึกฤทธิ์บิดเบือน” มาตั้งแต่ปี 2557 ทำให้กลุ่มลูกศิษย์พระอธิการคึกฤทธิ์ ได้รับมอบอำนาจจากพระอธิการคึกฤทธิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องมาตั้งแต่ปี 2560

ซึ่งในชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์นั้น นางณัฐนันท์ แพ้คดี และในขณะนี้กำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นฎีกา สำหรับพระอธิการคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล หรือพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี เป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการนำคำสอนตามพระธรรมวินัย มาทำให้เข้าใจง่าย โดยใช้คำว่า “พุทธวจน” ซึ่งทางพระอธิการคึกฤทธิ์ ระบุว่า เป็นคำสอนที่มาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ไม่ผ่านการดัดแปลงใดๆ จนทำให้มีลูกศิษย์มากมาย รวมทั้งคนดังในวงการบันเทิง

ทั้งนี้ คำประกาศขอขมาโทษของนางณัฐนันท์ ระบุว่า ตามที่ข้าพเจ้าได้โพสต์และแชร์โพสต์ข้อความและรูปภาพให้ร้าย หมิ่นประมาท พระอธิการคึกฤทธิ์ ในเฟสบุ๊ค ชื่อ "เปิดธรรมที่ถูกนักบวชคึกฤทธิ์บิดเบือน" และในเฟสบุ๊คของข้าพเจ้าชื่อ "ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ" นั้น ทำให้พระอธิการคึกฤทธิ์ ได้รับความเสียหายและได้เป็นโจทก์ฟ้องดำเนินคดีข้าพเจ้าเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดธัญบุรีตามคดีหมายเลขดำที่1719/2562 ในข้อหาฐานความผิดหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานั้น

บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกผิดและสำนึกผิดมาโดยตลอด ว่า การกระทำของข้าพเจ้าทำให้พระอธิการคึกฤทธิ์ ได้รับความเสียหายต่อความเป็นพระภิกษุอย่างมาก ข้าพเจ้าจึงขอสัญญาว่า นับแต่นี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเฟสบุ๊คชื่อ "เปิดธรรมฯ" และขอรับรองว่ากลุ่มดังกล่าวได้ปิดไปแล้ว และข้าพเจ้าจะไม่โพสต์ถึงแชร์ข้อความ หรือพูดกล่าวในเรื่องใดๆ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายกับพระอธิการคึกฤทธิ์ และวัดนาป่าพงอีกต่อไป

ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเสียหายที่พระอธิการคึกฤทธิ์ ได้รับ ข้าพเจ้าจึงขอขมาโทษพระอธิการคึกฤทธิ์ มา ณ โอกาสนี้ และข้าพเจ้าตกลงยินยอมนำข้อความนี้โพสต์ในเฟสบุ๊คของข้าพเจ้า เป็นเวลา 15 ครั้ง 15 วัน และข้าพเจ้าจะลบโพสต์หรือข้อความที่ข้าพเจ้าก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระอธิการคึกฤทธิ์ออกทั้งหมด แล้วจะยินยอมให้โจทก์หรือตัวแทนนำข้อความนี้ไปลงในเว็บไซต์พุทธวจนส่วนกลาง วัดนาป่าพง มูลนิธิพุทธโฆษณ์ได้ และยินยอมโจทก์หรือตัวแทนนำคำประกาศขอขมาต่อโจทก์ฉบับนี้ไปประกาศเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ภายใน 15 วันนับแต่วันทำบันทึกข้อตกลงกั