พลังงานนำทัพ

พลังงานนำทัพ

กระแส Fund flow ต่างชาติที่ยังผันผวนรวมถึงแนวต้านทางเทคนิค 1,580 – 1,585 จุดจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปรับขึ้น +9.77 จุด (+0.62%) ปิดที่ระดับ 1,573 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.5 หมื่นล้านบาท สวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่มีความกังวลสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กดดันบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ตามดัชนีหุ้นไทยได้แรงซื้อกลุ่ม Global play และกลุ่มหุ้นที่ได้เข้าคำนวณ SET 100 / 50 รอบใหม่หนุนให้ดัชนีสามารถดีดตัวขึ้นปิดแดนบวก อย่างรก็ตามนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นฝั่งขายสุทธิ 445 ล้านบาท และ Net Short TFEX 416 สัญญา อีกทั้งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,940 ล้านบาท   

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,580 – 1,585 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตามความคาดหวังสหรัฐ-จีนจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ในช่วงเดือนม.ค.และจะเริ่มเจรจาในเฟสสองต่อไปซึ่งหนุนต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่ม Global play นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเหนือ 61 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลจะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรอีกด้วย ประกอบกับแรงซื้อกองทุน LTF/RMF และการทำ Window dressing ในช่วงปลายปีจะช่วยหนุนต่อภาวะตลาด อย่างไรก็ตาม กระแส Fund flow ต่างชาติที่ยังผันผวนรวมถึงแนวต้านทางเทคนิค 1,580 – 1,585 จุดจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม Global Play: PTTEP, TOP, PTTGC, IVL, KCE, HANA อานิสงส์ข่าวจีน-สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก
  • กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้เข้าคำนวณ SET 50 (VGI) และ SET 100 (STPI, THG, TQM, VGI) รอบใหม่
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 เติบโต ได้แก่ GPSC, CPF, ERW, TASCO, EPG , SAWAD, MTC, JMT, BCH, CHG

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTEP (ปิด 124.5 ซื้อ/เป้า 135) ยังแนะนำซื้อเนื่องจากมองว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว และไม่มี Over hang จากประเด็นการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันมากวนใจ ขณะที่แนวโน้มงบ 4Q19 จะยังเด่นสุดของกลุ่ม PTT เพราะมีแรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการรับรู้การผลิตจากแหล่งเมอร์ฟี่ที่ซื้อเข้ามาเต็มไตรมาส
  • CPF (ปิด 27 ซื้อ/เป้า 33.5) ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหมูในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 55 บาทต่อ ก.ก. เป็น 68 บาทต่อก.ก. เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก. ขึ้นเป็น 60,000 -67,000ดองต่อก.ก. ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ 4Q19 ฟื้นตัวต่อเนื่อง

บทวิเคราะห์วันนี้

CPF (ปิด 27 ซื้อ/เป้า 33.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์พุ่งทำ All time high แม้ ส.ส.จะลงมติถอดถอนโดนัล ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง: ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 138 จุด (+0.49%) ปิดที่ระดับ 28,377 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้วานนี้ สภาผู้แทนฯสหรัฐจะลงมติถอดถอนโดนัล ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง แต่ตลาดเชื่อว่ามติดังกล่าวจะถูกตีตกในชั้นของวุฒิสภาฯซึ่งพรรครีพลับลีกันของ โดนัล ทรัมป์ ครองเสียงข้างมากอยู่ นอกจากนี้นักลงทุนยังตอบรับข่าวที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ออกมายืนยันว่า สหรัฐและจีนจะสามารถลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ในเดือน ม.ค. ปีหน้า
  • (+) สหรัฐรอดพ้นภาวะ US Shutdown หลังวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายได้ทันก่อนเส้นตาย: วุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (US Shutdown) ซึ่งจะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางมีงบประมาณในการดำเนินงานไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2020 โดยการผ่านร่างกฎหมายครั้งนี้ มีขึ้นเพียงวันเดียวก่อนที่กฎหมายงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันนี้
  • (+/-) วันนี้ติดตามสหรัฐประกาศ GDP 3Q19 (ครั้งสุดท้าย) และ ดัชนี PCE Index จับทิศทางอัตราเงินเฟ้อ: วันนี้สหรัฐจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/19 (ปรับปรุงครั้งสุดท้าย) Consensus คาดขยายตัว 2.1% เท่ากับรายงานครั้งที่ 2 แต่ดีขึ้นจากไตรมาส 2/19 ที่ขยายตัว 2% เศรษฐกิจสหรัฐที่ยังขยายตัวได้ดีจะเป็น Sentiment บวกต่อบรรยากาศการลงทุน นอกจากนี้สหรัฐจะรายงานดัชนีการใช้จ่ายผู้บริโภค (PCE price Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่ Fed ใช้เป็นตัวแทนอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ โดย Consensus คาด Core PCE จะทรงตัวที่ระดับ 1.6% ยังต่ำกว่าเงินเฟ้อเป้าหมายของเฟดที่ 2%