คาดโทษ 'ตร.' ห้ามขาด-ลาช่วงปีใหม่ เผย 10 เส้นทางห้าม 'สิบล้อ' วิ่ง-แก้รถติดเทศกาล

คาดโทษ 'ตร.' ห้ามขาด-ลาช่วงปีใหม่ เผย 10 เส้นทางห้าม 'สิบล้อ' วิ่ง-แก้รถติดเทศกาล

"ผบ.ตร." เข้มงวด! คาดโทษ "ตำรวจ" หนีหน้าที่ดูแลปชช. ห้ามขาด-ลาช่วงปีใหม่ เผย 10 เส้นทางห้าม "สิบล้อ" วิ่งเด็ดขาด แก้รถติดช่วงเทศกาล


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) กล่าวว่า ในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2563 พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และต้องการให้ประชาชนได้เดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย อีกทั้งได้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่พร้อมครอบครัวอย่างมีความสุข ปลอดภัย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามลา ข้ามขาด ให้อยู่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบ ผู้บังคับบัญชาลงไปกำกับพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ใต้บังคับบัญชาในการทำงานดูแลประชาชน พร้อมคาดโทษหากนายใดไม่ปฎิบัติในหน้าที่ในห้วงเวลาดังกล่าว

คาดโทษ \'ตร.\' ห้ามขาด-ลาช่วงปีใหม่ เผย 10 เส้นทางห้าม \'สิบล้อ\' วิ่ง-แก้รถติดเทศกาล

รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผบ.ตร. ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ทุกพื้นที่ ในการดูแลประชาชนห้วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ 2563 โดยมอบหมายให้ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงไปกำกับดูแลการปฎิบัติของตำรวจทั่วประเทศ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีพร้อมในการอำนวยความสะดวกการจราจร ลดอุบัติเหตุและนำจิตอาสาร่วมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัดให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด

และมุ่งเน้นการลดการเกิดอุบัติเหตุการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2563 ขอให้ตำรวจทั่วประเทศ บูรณาการกับทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ในการจัดกำลังเข้าประจำตามด่านตรวจ จุดบริการ ตลอดทุกเส้นทางสำคัญ โดยประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือสัญจรไปมา หากพบประสบปัญหาในเรื่องของการเดินรถ เส้นทางการใช้รถใช้ถนน พบเจออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือพบเห็นเหตุการณ์ที่คิดว่าน่าจะเป็นภัยต่อสังคม สามารถ แจ้งตำรวจได้ตลอดเส้นทางการเดินรถ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอำนวยความสะดวก และเติมเต็มความสุขให้พี่น้องประชาชนตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่

ทั้งนี้ การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ในช่วงที่มีประชาชนออกเดินทางจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เตรียมพร้อมกำลังพล อุปกรณ์ เครื่องมือ และระบบการสื่อสาร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนให้สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รวมถึงการจัดจราจรที่ติดขัดบริเวณทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมัน หรือจุดแวะพักรถที่มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการจราจรบนเส้นทางหลัก ในปีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) หมายเลขสายด่วน 1193 หรือดาวน์โหลด line application @highway1193 ไว้สำหรับสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ รับข้อมูลประชาสัมพันธ์เส้นทาง พร้อมทั้งได้มีการดำเนินการในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้รถและถนนสำหรับประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยในส่วนของเทศกาลปีใหม่ มีการออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินในถนนบางสาย (ระหว่าง 27 ธ.ค.62 – 3 ม.ค.63) เส้นทางห้ามวิ่ง 5 เส้นทาง ระยะทางรวม 139 กม. ได้แก่ 1.มิตรภาพ:ทับกวาง– คลองไผ่ กม.15-93 ระยะทาง 78 กม. 2. กบินทร์บุรี-ปักธงชัย: กบินทร์ฯ-นาดีกม.165-195 ระยะทาง 30 กม. 3. อรัญประเทศ-นางรอง ทัพราช กม.71-80 ระยะทาง 9 กม.

4.พหลโยธิน: นครสวรรค์ กม.332-347 ระยะทาง 15 กม. 5.รังสิโยทัย (ทล.117) : นครสวรรค์ กม.0-7 รวมระยะทาง 7 กม.ในกรณีรถบรรทุกบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องเดินรถในถนนดังกล่าวข้างต้น สามารถขออนุญาตหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดนั้นๆ (ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด)ในส่วนของการ ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดช่อง หรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสาย (ขาขึ้น 9 จุด ระหว่าง 21 -31 ธ.ค.62 และขาล่อง 16 จุด ระหว่าง (1 – 3 ม.ค.63) ใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว (Reversible Lane)ในส่วนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเส้นทางเลี่ยงของถนนสายต่างๆ ทั้ง 4 ภาค (ภาคเหนือ อีสาน ตะวันออกและใต้) ตามภาพ Infographic ที่ได้แจกจ่ายแล้วอีกทั้งได้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

โดยบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง โดย 10 ข้อหาหลัก(10 รสขม) ได้แก่ 1ร – ขับขี่รถโดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด , 2ส – ขับขี่รถย้อน- ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร, 3ข – ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย – ไม่มีใบขับขี่ – แซงในที่คับขัน , 4ม – ขับขี่รถในขณะเมาสุรา – ไม่สวมหมวกนิรภัย – ไม่ขับขี่รถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์)ดัดแปลง- ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่รถ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้น และอาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความเข้มงวดในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกราย กรณีมีเหตุ อันควรสงสัยหรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามโครงการ ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน(กปถ.) และขนส่งทางทางบก ตรวจสอบความปลอดภัยรถตู้ และรถโดยสารสาธารณะ ที่สถานีขนส่งรถโดยสารทั่วประเทศ และการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ จะต้องปราศจากแอลกอฮอล์และสารเสพติด พร้อมกับการบันทึกชั่วโมงการขับรถ ลงในสมุดประจำรถเพื่อป้องกันอาการอ่อนเพลียจากการขับรถโดยสารให้กับประชาชน