'AWC' ท้าชน 'ไอคอนสยาม' จ่อผุด ตึกสูงสุด ริมเจ้าพระยา

'AWC' ท้าชน 'ไอคอนสยาม' จ่อผุด ตึกสูงสุด ริมเจ้าพระยา

การแข่งขันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหรือ“มิกซ์ยูส” บนที่ดินริมน้ำเจ้าพระยากลับมาคึกคักอีกครั้ง

เมื่อ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ใต้ร่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ประกาศจับมือกับบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลก“Adrian Sm ประกาศจับมือกับบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลก“Adrian Smith + Gordon Gill Architecture” (AS+GG) เพื่อพัฒนามิกซ์ยูสอาคารใหม่ริมน้ำเจ้าพระยา ในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ หลังจาก “ไอคอนสยาม” เปิดให้บริการเมื่อเดือน พ.ย.2561ชิงความเป็นหนึ่งของแลนด์มาร์คกรุงเทพฯ

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่AWC เล่าว่า เตรียมพัฒนา “ตึกสูงระฟ้า ระดับเวิลด์คลาส เป็นเมกะโปรเจคในพื้นที่โครงการเอเชียทีคฯ เฟสที่2.1ตรงบริเวณลานจอดรถปัจจุบัน ประกอบด้วยโรงแรมหรูระดับ5และ6ดาว จำนวน2แบรนด์ ว่าจ้างเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนลมาบริหาร เฉพาะระดับ5ดาวใช้แบรนด์แมริออท จำนวน800ห้องพัก,แบรนเด็ด เรสซิเดนส์ กำหนดเป็นที่พักอาศัยแบบเช่าสิทธิ์ระยะยาว (ลีสโฮลด์) ให้เครือแมริออทฯบริหารเช่นกัน,พื้นที่เชิงพาณิชย์ และจุดชมวิวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

วันนี้เรากำลังจะเดินไปอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาโครงการเอเชียทีคฯ ต่อจิ๊กซอว์ด้วยการพัฒนาแต่ละเฟสให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเมกะโปรเจคตึกสูงระฟ้าดังกล่าว อยู่ระหว่างศึกษาความสูงของตึกไว้ที่ไม่ต่ำกว่า100ชั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นตึกสูงที่สุดในไทย หลังจากจับมือกับบริษัทAS+GGซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบตึกสูงระดับโลก

เพราะภาพใหญ่ที่อยากเห็น คือการเป็นไอคอนิก แลนด์มาร์ค (Iconic Landmark)แห่งใหม่และหนึ่งในภาพจำของประเทศไทย คือเห็นตึกนี้แล้วต้องรู้เลยว่านี่คือกรุงเทพฯ ถือเป็น “คุณค่าระยะยาว” ที่บริษัทฯต้องการสร้างให้กับเมืองและชุมชนโดยรอบ ผ่านการผนึกคุณค่าความเป็นไทยกับประสบการณ์ออกแบบตึกสูงจากทั่วโลกมารวมกัน

จิตวิญญาณของเมกะโปรเจคนี้คือการตอบโจทย์เมือง และ Represent หรือแสดงความเป็นกรุงเทพฯแก่สายตาคนทั่วโลก คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก5ปีข้างหน้า หรือปี2568” วัลลภา ฉายภาพใหญ่

ด้านเอเดรียน สมิธ ผู้ก่อตั้งAdrian Smith + Gordon Gill Architecture (AS+GG)เล่าเสริมว่าAWCมีจุดมุ่งหมายที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์ของเราที่มีต่อโครงการนี้ เชื่อมั่นว่าจะเป็นอาคารระดับโลกและประสบการณ์แบบโครงการมิกซ์ยูสที่มีความโดดเด่นที่สุดในกรุงเทพฯและภูมิภาคอาเซียน

ผ่านการสร้างสรรค์และดึงเอาจุดแข็งต่างๆ มาใช้ ทั้งเทคโนโลยีด้านอาคารสูงระฟ้า การออกแบบพื้นที่เชิงวัฒนธรรม พื้นที่ค้าปลีก และการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ภายใต้การทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับA49และUrban Architectsเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของโครงการระดับไอคอนที่เหนือกาลเวลา สอดคล้องกลมกลืนไปกับลักษณะเฉพาะตัวของทำเลของสถานที่ตั้งและพื้นที่โดยรอบ

ทั้งนี้เอเดรียน ถือเป็นสถาปนิกชื่อดังระดับโลกชาวอเมริกัน ผู้ออกแบบอาคารสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึงอาคารที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อาทิ ตึกที่สูงที่สุดในโลกปัจจุบันBurj Khalifaในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,Kingdom Towerในเมืองเจดดาห์ ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง, Zifeng Towerในหนานจิง,Jin Mao Towerในเซี่ยงไฮ้ และWuhan Greenland Centerในอู่ฮั่น จีน ซึ่งกำลังจะขึ้นแท่นเป็นอาคารที่สูงที่สุดอันดับ4ของโลกเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ

และในปี2563จะมีการเปิดให้บริการตึกใหม่ที่บริษัทฯเป็นผู้ออกแบบอีก3แห่ง ได้แก่Central Park Plazaนครนิวยอร์ก สหรัฐ,AL WASL PLAZAนครดูไบ สำหรับจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป2020ในเดือน ต.ค.ปีหน้าและJeddah Towerเมืองเจดดาห์ ซาอุดิอาระเบีย ว่าที่ตึกสูงที่สุดแห่งใหม่ของโลก ด้วยความสูงกว่า1กิโลเมตร

วัลลภา เล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมการพัฒนาเอเชียทีคฯทั้งโครงการด้วยว่า นอกเหนือจากเมกะโปรเจคในเฟส2.1แล้ว ยังเตรียมเปิดตัวเรือ “สิริมหรรณพ” ความยาว50เมตร จอดเทียบท่าเรือหน้าพื้นที่เฟสดังกล่าว ข้างในเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และห้องอาหาร เริ่มให้บริการไตรมาส2ปี2563

ขณะที่เฟส2.2บนพื้นที่อีก19ไร่ เตรียมพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ ขนาด1แสนตารางเมตร ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา และสวนสนุก พร้อมย้ายเอเชียทีค สกาย (ชิงช้าสวรรค์) จากพื้นที่เดิมบนเฟส2.1มาที่จุดนี้แทน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน3ปีนับจากนี้ ส่วนเฟส2.3พื้นที่กว่า30ไร่บนอีกฝั่งของ ถ.เจริญกรุง อาจจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ด้านเฟสที่1อาคารโกดังซึ่งเปิดเป็นพื้นที่รีเทล เตรียมรีโนเวตเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน เหมือนClarke Quayที่สิงคโปร์ จากปัจจุบันเปิดเฉพาะกลางคืน มีคนเข้ามาใช้บริการกว่า5หมื่นคนต่อวัน โดยจะดึงพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มเติมเต็มความคึกคักของนักท่องเที่ยวในโครงการเอเชียทีคฯทั้ง2เฟส บนเนื้อที่รวมกว่า90ไร่ ในฐานะมิกซ์ยูสที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่สุดริมน้ำเจ้าพระยา!