“อุตตม”ผนึก“จุรินทร์” ดันจีดีพีปีหน้าโตเกิน3%

“อุตตม”ผนึก“จุรินทร์”  ดันจีดีพีปีหน้าโตเกิน3%

“อุตตม”ยันจีดีพีปีหน้าขยายตัวต่อ พร้อมเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจ ดันลงทุน สร้างความเข้มแข็งฐานราก เผย ม.ค.นี้ ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ “จุรินทร์” มั่นใจจีดีพีปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 3% พร้อมลุยตลาด

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานดินเนอร์ทอล์ค “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2020” จัดโดยเนชั่นกรุ๊ป ว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้ายังขยายตัวได้ แต่อาจจะโตช้า ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะไม่โตแบบถดถอยแน่นอน โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะได้รับแรงส่งจากเศรษฐกิจไตรมาสสี่ปีนี้ที่ขณะนี้การบริโภคในประเทศเริ่มดีขึ้นสะท้อนจากตัวเลขการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ขยายตัวเป็นบวก โดยในเดือนต.ค.ขยายตัว ถึง 6% จากก่อนหน้าที่ขยายตัวติดลบ ฉะนั้น เชื่อว่า เหตุการณ์ปีหน้ายังดี และเสถียรภาพการเมืองยังไปได้ แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วยว่าจะเป็นอย่างไร

“สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปีหน้านั้น จะเป็นอย่างไร ขณะนี้ ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ชัดเจน แต่เรายังต้องต้องประเมินว่า ยังมีปัญหาต่อและยังเป็นปัจจัยเสี่ยง เพื่อความไม่ประมาท แต่เราก็ยังมีปัจจัยบวกจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในประเทศ”

ชี้โจทย์ใหญ่เศรษฐกิจไทย

เขากล่าวด้วยว่า โจทย์ใหญ่สำหรับเศรษฐกิจในขณะนี้ คือ ประเทศจะปฏิรูปหรือไม่ และ สภาวะเศรษฐกิจโลกที่เข้ามากระทบ ซึ่งทั้งสองโจทย์นั้น ถือว่า พันกัน ไม่สามารถทำเฉพาะเรื่องได้ โดยโจทย์ใหญ่ที่สำคัญ คือ การปฏิรูป สิ่งที่กระทรวงการคลังจะดำเนินการได้ คือ ปฎิรูปความเข้มแข็งระดับฐานราก โดยใช้เครื่องมือการคลังและเครือข่ายที่มีอยู่ นั่นคือ แบงก์รัฐซึ่งจะผนึกพลังเข้าไปช่วยชุมชนให้เข้มแข็ง

ขณะเดียวกัน จะเร่งผลักดันให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะดำเนินการจัดหาแหล่งทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน(TFF)​ ซึ่งปีหน้าจะมีโครงการลงทุนเข้าสู่กองทุนนี้เพิ่มขึ้น และ ดึงเอกชนเข้าร่วมลงทุน(PPP)​ทั้งนี้ การลงทุนที่สำคัญนอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมแล้ว ยังมีการลงทุนด้านดิจิตอล ระบบการชำระเงินอีเพย์เมนท์ และ การลงทุนพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะเป็นปัจจัยพื้นฐานในการปฏิรูปประเทศ

เร่งดูแลเศรษฐกิจระยะสั้น

อย่างไรก็ดี สำหรับการดูแลเศรษฐกิจระยะสั้นนั้น กระทรวงการคลังก็ต้องพร้อมดูแลและพร้อมจะออกมาตรการเพิ่มถ้าจำเป็น โดยในเดือนม.ค.นี้ จะมีการลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ ซึ่งจะคัดกรองคนจนให้ดีมากขึ้น และ จะมีสวัสดิการเพิ่มเติม

สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างภาษีนั้น ขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณา โดยอยู่บนพื้นฐานที่จะสร้างความเป็นธรรมในระบบ สร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และเกิดความสมดุลในแง่รายได้ของรัฐ ส่วนการจัดเก็บภาษีอีึคอมเมิร์สนั้น กฎหมายยังอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อเก็บภาษีผู้ประกอบการที่เข้ามาค้าขายในไทย เมื่อกฤษฎีกาส่งกลับมาจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีและเสนอสภาฯ

157663224841

จุรินทร์เร่งดันเศรษฐกิจ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขไอเอมเอฟคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2562 ขยายตัว 3% ซึ่งถือว่าชะลอตัว ส่วนปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.4 % แสดงว่าเศรษฐกิจขยายตัว สำหรับประเทศไทย เศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 3 % โดยปีหน้าที่ไม่น่าจะต่ำกว่านี้ถือว่าเป็นบวกอยู่ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว สงครามการค้า รวมทั้งเงินบาทแข็งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย

ในขณะที่ค่าเงินบาทยังส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทย แต่ก็ความหวังว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวก ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มีแผนในการที่จะผลักดันเศรษฐกิจโดยเฉพาะการส่งออกในปีห้าอย่างชัดเจน ทั้งเศรษฐกิจฐานราก และการขับเคลื่อนการส่งออก ที่ผ่านมาปี 2562 ได้มีมาตรการที่ประสบความสำเร็จ ทั้งเรื่องการประกันรายได้ใน 5 พืชเศรษฐกิจ และการผลักดันการส่งออก

โดยมีการตั้ง คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.พาณิชย์) เพื่อร่วมมือผลักดันการส่งออก ตนเป็นหัวหน้าคณะในการไปขายสินค้าในต่างประเทศ ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง

สำหรับแผนงานในปีหน้าจะดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยโครงการประกันรายได้จะทำอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีมาตรการอื่นๆควบคู่ไปด้วย แต่รัฐบาลไม่ได้ละเลยพืชอื่นๆ เช่น ผลไม้ กระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการที่จะผลักดันการส่งออก โดยจะไปเปิดตลาดไปต่างประเทศที่สำคัญ โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีความต้องการผลไม้ไทยมาก

เตรียมบุกตลาดส่งออก

นอกจากนี้ ในปีหน้าจะนำคณะภาครัฐและเอกชนไปบุกตลาด 18 ประเทศ โดยประเทศหลักๆ ได้แก่ จีน และอินเดีย โดยจะเข้าไปเจาะลึกเป็นรายมณฑล และรายรัฐ รวมทั้งจะเร่งเปิดการเจรจาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ทั้งที่ยังค้างอยู่และที่ต้องการเปิดใหม่ โดยเฉพาะการทำ เอฟทีเอ ไทย – ตุรกี ซึ่งจะเร่งให้สรุปการเจรจาภายในสิ้นปีหน้า เนื่องจากตลาดตุรกีจะเป็นประตูเปิดไปยังตะวันออกกลางและยุโรป

และจะเร่งผลักดันการค้าชาบแดนและข้ามแดน ซึ่งจะทำให้ตัวเลขการส่งออกของไทยสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นการค้าข้ามแดน ทางกระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะไปบุกตลาดในเมืองฮานอย โฮจินมิน และดานัง รวมถึงการค้าชายแดนกัมพูชา ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ มีศักยภาพตลาดสูง

สำหรับการผลักดันสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช ในปีหน้า จะเร่งผลักดันสินค้าไทยไปแพลตฟอร์มชื่อดัง ทั้ง บิสมาร์เก็ต ของอินเดีย พีซีโฮม ของไต้หวัน อเมซอน ของสหรัฐ เป็นต้น ขณะที่อาร์เซ็ปจะมีการเร่งผลักดันให้มีการลงนามให้เสร็จสิ้นในปีหน้าเช่นกัน ซึ่งจากผลการศึกษาของ ทีดีอาร์ไอ ในเบื้องต้นพบว่าหากอาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้จะทำให้ จีดีพี ไทยโตถึง 4%

ในส่วนของเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ที่ว่ารัฐบาลจะสร้างผลงานให้กับประชาชนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องยอมรับว่าในระบบรัฐสภาเสียงข้างมากจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ แต่ผลงานจะเป็นสื่งสำคัญที่ทำให้รัฐบาลอยู่ได้อย่างยาวนาน

157663244260

มั่นใจนโยบายสินค้าเกษตร

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในขณะที่ค่าเงินบาทยังส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทย แต่ก็ความหวังว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวก ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มีแผนในการที่จะผลักดันเศรษฐกิจโดยเฉพาะการส่งออกในปีห้าอย่างชัดเจน ทั้งเศรษฐกิจฐานราก และการขับเคลื่อนการส่งออก ที่ผ่านมาปี 2562 ได้มีมาตรการที่ประสบความสำเร็จ ทั้งเรื่องการประกันรายได้ใน 5 พืชเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด และปาล์มน้ำมัน ซึ่งในเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ได้โอนเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรไปแล้ว 4 ชนิด ขาดเพียงข้าวโพดที่จะโอนเงินส่วนต่างให้ในวันที่ 20 ธ.ค. นี้

“เชื่อว่าโครงการประกันรายได้จะจ่ายเงินให้กับเกษตรกรครบถ้วน แต่ก็ยังเดินหน้าที่จะดูแลพืชเศรษฐกิจทั้ง 5 ข้อไป โดยจะนำมาตรการอื่นๆมาช่วยนอกเหนือจากการประกันรายได้ให้กับเกษตรกร เพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”

ในด้านการผลักดันการส่งออก ได้มีการตั้ง คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.พาณิชย์) เพื่อร่วมมือผลักดันการส่งออก โดยภาคเอกชนจะเป็นทัพหน้า ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเป็นทัพหลังในการสนับสนุนภาคเอกชน ในส่วนของทูตพาณิชย์ ที่เดิมมีหน้าที่ในการเจรจาเปิดตลาด ก็จะต้องทำหน้าที่เป็นเซลเมนเสนอขายสินค้า เพื่อเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทย ขณะที่ตนเองเป็นหัวหน้าคณะในการไปขายสินค้าในต่างประเทศ ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง

157663253484