อนาคต 'โบอิง-แอร์บัส' ในอุตสาหกรรมการบินโลก

อนาคต 'โบอิง-แอร์บัส' ในอุตสาหกรรมการบินโลก

อนาคตของ “โบอิง-แอร์บัส” ในอุตสาหกรรมการบินโลกหลังบอร์ดบริหารโบอิง กำลังตัดสินใจว่าจะยุติการผลิตเครื่องบินโดยสารรุ่น737 แม็กซ์หรือไม่

บอร์ดบริหารของโบอิง กำลังตัดสินใจว่าจะลดกำลังการผลิตหรือยุติการผลิตเครื่องบินโดยสารรุ่น 737 แม็กซ์ หลังจากสำนักงานบริหารการบินรัฐบาลกลางสหรัฐ(เอฟเอเอ)ยืนยันว่าไม่อนุมัติให้เครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นบินก่อนปี 2563 เท่ากับว่าโบอิงยังคงสูญเสียรายได้จากปัญหาความปลอดภัยของเครื่องบินโดยสารรุ่นนี้ต่อไป ซึ่งสถานการณ์ของโบอิง สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับแอร์บัส ยักษ์ใหญ่ด้านอากาศยานของยุโรป ที่มั่นใจศักยภาพตลาดการบินของจีน ประกาศลั่นว่าจะเดินหน้ารักษาพันธมิตรในระยะยาวกับรัฐบาลปักกิ่งต่อไป

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวานนี้ (16 ธ.ค.) อ้างแหล่งข่าววงในว่า บอร์ดบริหารของโบอิง โค ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอากาศยานโลก สัญชาติสหรัฐ ที่จัดประชุมร่วมกันเป็นเวลา 2 วันที่นครชิคาโก กำลังตัดสินใจว่าจะลดกำลังการผลิต หรือยุติการผลิตเครื่องบินโดยสารรุ่น 737 แม็กซ์ หลังจากสำนักงานบริหารการบินรัฐบาลกลางสหรัฐ(เอฟเอเอ)ยืนยันว่าไม่อนุมัติให้เครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นบินก่อนปี 2563

แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า บอร์ดบริหารของโบอิง กำลังพิจารณาข้อเสนอจากทีมบริหารระดับสูงที่จะยุติการผลิตเครื่องบินโดยสารรุ่น 737 เป็นการชั่วคราว หลังจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสตีฟ ดิกสัน หัวหน้าเอฟเอเอ ยืนยันว่า ผู้ควบคุมกฏด้านการบิน ตัดสินใจไม่รับรองให้เครื่องบินโดยสารโบอิง 737 แม็กซ์ขึ้นบินจนถึงปี 2563 เนื่องจากเกิดปัญหาด้านความไม่ปลอดภัยหลายครั้ง

“อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า มีกระบวนการและเป้าหมายมากมายที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่งจะกินเวลาจนถึงปี 2563”นายดิกสัน กล่าว

นอกจากนี้ นายดิกสัน ยังระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอนว่าเครื่องบินโดยสารรุ่นนี้จะได้ขึ้นบินอีกครั้งเมื่อใด อีกทั้งเอฟเอเอยังมีปัญหาที่ต้องสะสางเกี่ยวกับเครื่องบินโดยสารรุ่นนี้ประมาณกว่า10 อย่าง จึงจะสามารถรับรองความปลอดภัยของเครื่องบินรุ่นนี้ได้ ทั้งยังกล่าวย้ำว่า ขณะนี้ทีมงานของเขากำลังตรวจสอบซอฟต์แวร์และวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์ของเครื่องบินรุ่นนี้

อย่างไรก็ตาม การเลื่อนกำหนดวันของการนำเครื่องบินโดยสารรุ่น 737แม็กซ์ขึ้นบินหลายครั้ง สร้างปัญหาแก่สายการบินหลายแห่ง รวมทั้งสายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ และสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ที่สูญเสียรายได้เป็นจำนวนหลายล้านดอลลาร์จากการที่ไม่สามารถนำเครื่องบินโดยสารรุ่นนี้ให้บริการได้

สถานการณ์ของโบอิง สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอย่างแอร์บัส ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ระดับโลก สัญชาติยุโรป ที่เปิดเผยว่า บริษัทจะรักษาการเป็นพันธมิตรในระยะยาวกับอุตสาหกรรมการบินของจีน และเล็งเห็นถึงอนาคตที่สดใสของตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

"กีโยม โฟรี" ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)ของแอร์บัส ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหัวว่า แอร์บัส มีความยินดีที่ได้ดำเนินการธุรกิจกับบรรดาพันธมิตรในประเทศจีน เนื่องจากระบบที่เอื้ออำนวยต่ออุตสาหกรรมการบิน

โดยเส้นทางการบินระหว่างประเทศทั้งขาเข้าและขาออกของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่แอร์บัสคาดการณ์ว่า จีนต้องการเครื่องบินลำใหม่อีก 7,560 ลำ ในอีก 20 ปีข้างหน้า

“ประชาชนเดินทางด้วยเครื่องบินมากขึ้น และมีโอกาสที่เที่ยวบินจีนจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทั้งขาเข้าและขาออก แอร์บัสจึงมีความยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างการเชื่อมต่อของจีน” เขากล่าว

แอร์บัส ระบุว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกับจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันพุธ(11ธ.ค.)ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพและเน้นการปฏิบัติสำหรับโครงการริเริ่มใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินประเภททางเดินเดี่ยวและลำตัวกว้างของแอร์บัส

บริษัทร่วมทุนในการประกอบเครื่องบิน A320 ถูกก่อตั้งขึ้นที่เมืองเทียนจิน เมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบเครื่องบินประเภททางเดินเดี่ยวแห่งที่ 3 ของแอร์บัส และเป็นแห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกทวีปยุโรป ซึ่งโฟรี ระบุว่า โครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างมาก และบริษัทคาดการณ์ถึงอนาคตที่สดใส เนื่องจาก “อุตสาหกรรมการบินของจีนมีการเติบโตที่ไร้ขีดจำกัด”

ในปัจจุบัน มีการส่งมอบเครื่องบิน A320 จำนวน 450 จากเมืองเทียนจินให้แก่ลูกค้าในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชีย โรงงานประกอบเครื่องบินแห่งนี้ยังเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 6 ลำต่อเดือน ภายในสิ้นปี 2562 โดยเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรูปแบบเดิม

ขณะเดียวกัน เครื่องบิน A350 XWB จะถูกส่งไปยังศูนย์ประกอบชิ้นส่วนขั้นตอนสุดท้ายและศูนย์ส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส ในเมืองเทียนจิน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยศูนย์แห่งนี้ มีกำหนดส่งมอบเครื่องบินประเภทลำตัวกว้าง A350 ลำแรกภายในปี 2564 จากเมืองเทียนจิน

โฟรี กล่าวว่า แอร์บัสดำเนินกิจการในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น เช่น การประกอบลำตัวเครื่องบิน และจะเพิ่มการผลิตและการประกอบเครื่องบินในเมืองเทียนจินต่อไป เนื่องจากการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินต้องการสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง และแอร์บัสพึงพอใจในการเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นและใกล้ชิดกันระหว่างจีนกับประเทศอื่นในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุโรป