'โบรกฯ'แนะจัดพอร์ต รับผลตอบแทน 6%
“บล.บัวหลวง” มองเศรษฐกิจโลกปีหน้าฟื้นตัว จากใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย การบริโภคปรับตัวดีขึ้น แนะกระจายการลงทุนใน "5 สินทรัพย์" เพิ่มน้ำหนักหุ้นต่างประเทศ คาดให้ผลตอบแทนระดับ 6 % คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปี63ไปไกลสุดแค่ 1,686 จุด เหตุ พี/อีสูง
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า มอร์แกน แสตนเลย์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัท มีมุมมองเศรษฐกิจโลกปี2563 ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 3.2 % จากปีนี้ที่ 3 % เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกทำนโยบายการเงินผ่อนคลาย อัตราเงินเฟ้อและ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การบริโภคขยายตัวปานกลาง
อีกทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะทำเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่เศรษกิจยุโรปฟื้นตัวเช่นกัน จากมาตรการ QE แต่เศรษฐกิจเอเชียและอาเซียนจะค่อยๆฟื้นตัว เพราะจีนยังมีปัญหาเรื่องหนี้บริษัทเอกชน และหนี้ภาคประชาชนสูง
ส่วนเศรษฐกิจไทยปีหน้าคาดโต 3.1 % จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ แต่มีความเสี่ยงหากค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าคาด โดยคาดว่าเงินบาทจะที่ 30.8 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะหดตัวมากกว่า 1-2 %
บริษัทแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนปี 2563 ในสินทรัพย์ 5 ประเภท อันดับ 1 คือ การลงทุนในหุ้น เพราะมองว่าจะให้ผลตอบแทนสูงสุดในปีหน้า จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว มีสภาพคล่องในการลงทุนสูง โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจากปีนี้ที่มีสัดส่วน 15 % แต่เน้นกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก โดยตลาดหุ้นที่จะให้ผลตอบแทนมากสุด คือ ตลาดหุ้นสหรัฐ รองลงมาคือ ตลาดหุ้นเอเชีย และอาเซียน ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น ถือว่าน่าสนใจน้อยสุดในภูมิภาคเอเชีย จากเศรษฐกิจไทย และ กำไรบริษัทจดทะเบียนไทยเติบโตน้อยกว่าภูมิภาค P/E สูง ประมาณ 16 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชีย P/E อยู่ที่ที่ 12.5 เท่า รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่า ไม่จูงใจให้เงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุน คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้าจะปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,686 จุด
ส่วนสินทรัพย์ที่น่าลงทุนอันดับ2 คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือกองรีท เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่่ำ ที่ผ่านมากองรีทไม่เคยให้ผลตอบแทนที่ติดลบ โดยปี 2562 ให้ผลตอบแทน 22 % เฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.3 % ต่อปี โดยกองรีทที่น่าสนใจ เป็นกองรีทที่เกี่ยวกับออฟฟิสให้เช่า และค้าปลีก
อันดับ 3 คือ การลงทุนในทองคำ จากที่ธนาคารทั่วโลกมีการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์จะยังไม่แข็งค่าขึ้น จากดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ มองว่าปีหน้าธนาคารกลางสหรัฐมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้ง โดยกองทุนทองคำที่แนะนำ ควรเป็นกองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน อันดับ 4 คือ การลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชน แม้ผลตอบแทนไม่สูงมาก แต่มีความปลอดภัยในการลงทุน และอันดับ 5 คือ กองทุนน้ำมัน จากปีนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัว ความต้องการปรับตัวดีขึ้น ก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี
" ปีหน้าแนะนำจัดพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์ 5 ประเภท คือ หุ้น กองรีท ทองคำ ตราสารหนี้ และกองทุนน้ำมัน โดยสัดส่วนนั้นจะมีการประกาศในเดือนม.ค. 2563 แต่เบื้องต้นหากกจะจายการลงทุนตามนี้ คาดว่าจะให้ผลตอบแทน ระดับ 6 % "นายชัยพร กล่าว