Sideways Up

Sideways Up

Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Positive และคาดดัชนีฯ Sideways up แนวต้าน 1580 / 1585 จุด แนวรับ 1565 / 1560 จุด เป็นผลจาก 1) สหรัฐฯ และจีน จะมีการเซ็นสัญญาการค้า เฟสแรกต้นเดือน ม.ค. 2020 ช่วยคลายกังวลต่อภาวะการค้าโลก 2) พรรคอนุรักษ์นิยมได้ที่นั่งเกิน กึ่งหนึ่งของสภา ทาให้ปัญหา Brexit จะคลี่คลายในปลายเดือน ม.ค. 2020 3) นักลงทุนต่างชาติเพิ่มการ Long สัญญา SET 50 Index Future เป็นวันที่สองอีก 11,669 สัญญา (วันพฤหัสฯ Long วันแรก 15,279 สัญญา) ทั้งนี้ หุ้นกลุ่ม Global Play มีโมเมนตัมบวก ขณะที่หุ้นกลุ่ม Property Fund มีความเสี่ยงขาลงต่อเนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยโลกเปลี่ยนมาเป็นทิศทางขาขึ้นและการแข็งค่าของเงินบาทเริ่มมีจำกัด

ประเด็นสำคัญวันนี้: จีน-ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตฯ เดือน พ.ย., รายงานภาคการผลิตและบริการเดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น BAM-เข้าซื้อขายวันแรก IPO ที่ราคา 17.50 บาท

สรุปภาวะตลาดหุ้นวันศุกร์

ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง โดยภาคเช้าปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 1582.16 จุด +18.31 จุด แต่ในช่วงภาคบ่ายถูกขายทากาไรจนดัชนีฯ อ่อนตัวลงมาปิดตลาดที่ระดับ 1573.91 จุด +10.06 จุด วอลุ่ม 7.11 หมื่นล้านบาท กลุ่มอุตฯ นาขึ้น คือ ปิโตรเคมี +4.29% วัสดุก่อสร้าง +1.98% พลังงาน +1.56% ส่วนกลุ่ม Property Fund & REIT ร่วงต่ออีก -1.61%

ประเด็นสาคัญ

+ ตลำดหุ้นโลกพุ่งขึ้นรับข่ำวเจรจำกำรค้ำ: ข่าวการทวีตของปธน.ทรัมป์ ว่าการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐฯ ของสื่อไม่ตรงกับความเป็นจริง ก่อนที่ต่อมาจะมีข่าวว่าทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบแต่ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ปรับขึ้นเล็กน้อย DJ +0.01% S&P500 +0.01% Nasdaq +0.2% ขณะที่ผลเลือกตั้งอังกฤษที่พรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้งเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นยุโรป DAX +0.57% CAC40 +0.40% FTSE +0.79% (ทั้งสัปดาห์ ตลาดหุ้นสหรัฐ DJ +0.4% S&P500 +0.7% Nasdaq +0.9% และตลาดหุ้นยุโรป FTSE +1.57% DAX +0.88% CAC40 +0.8%)

+ รำคำน้ำมันดิบโลกและทองคำปิดบวก: WTI +USD0.89 ปิด USD60.07/บาร์เรล Brent +USD1.02 ปิด USD65.22/บาร์เรล ขานรับมุมมองบวกต่อการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐฯ ส่วนราคาทองกลับมาปิดบวก USD8.90 ปิด1,481.2/ออนซ์ จากการการอ่อนค่าของสกุล USD (สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI +1.47% Brent +1.29% ทองคา +1.1%)

+ UK: ผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการพบว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้ 365 ที่นั่ง (+47) พรรคแรงงาน 203 ที่นั่ง (-59) พรรค SNP 48 ที่นั่ง (+13) ฯลฯ ส่งผลให้โอกาสสูงที่อังกฤษจะเจรจากับอียู เพื่อเดินหน้าแยกตัวออกได้ภายในกาหนดเส้นตายวันที่ 31 ม.ค. 2020

- USA: คณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนฯ มีมติ 23 ต่อ 17 เสียง สาหรับ 2 ข้อหาความผิด เพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ ออกจากตาแหน่ง (การใช้อานาจทางมิชอบและการขัดขวางกระบวนการสอบสวนของรัฐสภาเพื่อถอดถอน)

+ Trade war: จีนและสหรัฐฯ ตกลงในหลักการเจรจาการค้า เฟสแรก โดยสหรัฐฯ จะยังคงเก็บภาษี 25% สาหรับสินค้านาเข้าจีน วงเงิน USD250bn แต่จะลดภาษีเหลือ 7.5% จากเดิม 15% สาหรับวงเงิน USD120bn ส่วนการเจรจาเฟส 2 จะเริ่มต้นต่อทันทีในประเด็น Intellectual Property, Technology Transfer, financial services ฯลฯ

- Fund Flow: สัปดาห์ที่ผ่านมา 6 ชาติในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) กลับมามีเงินทุนไหลเข้า USD1,560mn หลังถูกขาย 3 สัปดาห์ (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า –USD62mn) โดยซื้อทุกตลาดนาโดยไต้หวัน เกาหลีใต้ ยกเว้นฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งถูกขายต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 รอบ 7 สัปดาห์ จานวน –USD365mn (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า -USD222mn)

- EU: สหรัฐฯ เตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้านาเข้าจากอียูเป็น 100% (เดิม10%) สาหรับเครื่องบินพาณิชย์ และ 25% สาหรับสินค้าเกษตร และเพิ่มจานวนรายการสินค้า ตอบโต้กรณีให้เงินอุดหนุนแอร์บัส รวมถึงปธน.ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนาเข้าสินค้าฝรั่งเศส กรณีเก็บภาษีดิจิทัล 3% บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพราะมองเป็นการเลือกปฎิบัติ

กลยุทธ์: Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนารายสัปดาห์: BBL KCE OSP

หุ้นโมเมนตัมบวก: PTTGC IVL KBANK TOP IRPC KCE SPRC ESSO TKN KTC ACE JKN SABINA ACAP WICE BWG

หุ้นโมเมนตัมลบ: BBL BTS SCI ADVANC

Derivatives: แนะเปิด Short S50Z19 เก็งกาไร (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)