OSP - ซื้อ

OSP - ซื้อ

เครื่องมือใหม่ในการบริหารจัดการต้นทุน

Event

เยี่ยมชมกิจการของบริษัท

lmpact

โรงงานผลิตขวดแก้วที่ทันสมัย

เราได้ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตแก้วแห่งใหม่ล่าสุดของ OSP (SGA-2) ซึ่งเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2562 ด้วยงบลงทุนทั้งสิ้น 1.8 พันล้านบาท โรงงานแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดโดยมีการใช้ทั้ง big data, machine-to-machine (M2M) automation, ไปจนถึงกระบวนการผลิตที่ใช้หุ่นยนต์ (robotic process intelligent system) จากการเยี่ยมชม เราพบว่าสายการผลิตทั้งหมดที่ SGA-2 ใช้เพื่อผลิตขวด M-150 ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชูกำลังหลักของบริษัท และ ขวด Lipovitan-D แบบเบาเท่านั้น โรงงานแห่งนี้ ใช้แรงงานคนสำหรับกระบวนการผลิตทั้งหมด (แค่ 100 คน) น้อยกว่าโรงงาน SGA-1 (ใช้แรงงาน 160 คน) เราประเมินว่าโรงงานใหม่นี้จะทำให้กำลังการผลิตขวดแก้วรวมของ OSP เพิ่มขึ้น 10%-15% จากประมาณ 4.71แสนตันต่อปี (ก่อนการปิดเตาหลอมสองเตาที่ Siam Glass Industry (SGI) ในสมุทรปราการ)

เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญในโครงการลดบริหารจัดการต้นทุน

โรงงาน SGA-2 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการประหยัดต้นทุนของ OSP ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 โดยโครงการนี้ มีความริเริ่มหลาย ๆ ด้านซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของ OSP อย่างเช่น การปรับสูตรผลิตภัณฑ์, ไลน์การล้างเศษแก้ว, การบริหารจัดการรายได้สุทธิ ฯลฯ ทั้งนี้ OSP ตั้งเป้าจะประหยัดต้นทุนให้ได้ 2.5 พันล้านบาทในปี 2562-2566 โดยในปีนี้ บริษัทสามารถประหยัดต้นทุนไปได้แล้ว 530 ล้านบาท

อัตรากำไรน่าจะดีขึ้นในปี 2563

เราคาดว่ากำไรหลักของ OSP จะโตถึง 18.0% CAGR ในช่วงปี 2561-2564F ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากอัตรากำไรขั้นต้นและยอดขายที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่าอัตรากำไรจะดีขึ้นเนื่องจาก 1) อัตราการใช้กำลังการผลิตของ SGA-2 เพิ่มขึ้น และ 2) รับรู้ผลการดำเนินงานของโรงงานเครื่องดื่มในเมียนมาร์เต็มปี ในขณะเดียวกัน การเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งประเภทเครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวจะช่วยหนุนให้รายได้เพิ่มขึ้นในปี 2563

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่อิงจาก PER ไว้ที่ 45 บาท

Risks

ประหยัดต้นทุนได้น้อยกว่าที่คาดไว้, เสียส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไป และขยายตลาดในต่างประเทศไม่สำเร็จ