CHG - ซื้อ

CHG - ซื้อ

แนวโน้มดีขึ้น

Event

เข้าพบบริษัท

lmpact

ผลประกอบการ 9M62: ผลการดำเนินงานใน 3Q62 ออกมาดีเกินคาด

กำไรสุทธิของ CHG ใน 3Q62 อยู่ที่ 269 ล้านบาท (+78.2% YoY, +118.9% QoQ) ดีกว่า consensus 44.6% โดยกำไรสุทธิใน 3Q62 และ 9M62 คิดเป็น 37.1% และ 78.8% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเราที่ 724 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรที่เพิ่มขึ้นใน 3Q62 มาจากรายได้ส่วนเพิ่มจากสำนักงานประกันสังคม เนื่องจากมีการรักษาพยาบาลด้วยวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นจากปีที่แล้ว 45 ล้านบาท ซึ่งช่วยหนุนทั้งรายได้และกำไรใน 3Q62 ดังนั้น อัตรากำไรขั้นต้นของ CHG จึงเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เป็น 34.6% จาก
28.1% ใน 3Q61 และ 26.5% ใน 2Q62 นอกจากนี้ เรายังคงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิมหลังจากที่บริษัทประกาศผลประกอบการงวด 9M62 (จากก่อนหน้านี้ที่มีแนวโน้มจะปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลงตอนประกาศงบ 1H62) ทั้งนี้ โครงการรายได้ใน 3Q62 ของ CHG แบ่งเป็นรายได้จากผู้ป่วยใน 30%,ผู้ป่วยนอก 31%, SSO 32% และ NHSO 7% ของรายได้รวมของโรงพยาบาล

ผลขาดทุนจากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 และ RPC ลดลง

เราคิดว่าผลประกอบการของ CHG ถูกกระทบจากโรงพยาบาลที่เปิดใหม่สองแห่งตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยโรงพยาบาลเกรด A ที่เปิดใหม่สองแห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลร่วมพัฒน์ ฉะเชิงเทรา (RPC) ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนกรกฎาคมและพฤศจิกายน 2561 ตามลำดับ ทั้งนี้ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 และ RPC มีผลขาดทุนสุทธิ 12 ล้านบาทในงวด 3Q62 ที่ผ่านมา ในขณะที่รายได้ของทั้งสองโรงพยาบาลคิดเป็น 7.3% ของรายได้ CHG ทั้งเครือ แต่อย่างไรก็ตาม
เรามองว่าแนวโน้มกำลังดีขึ้น เนื่องจากบริษัทคาดว่าทั้งสองโรงพยาบาลจะถึงจุดคุ้มทุนใน 1Q63 สำหรับในระยะต่อไป เราคิดว่า CHG จะเติบโตต่อเนื่องจากโรงพยาบาลในเครือ 13 แห่ง โดยได้แรงหนุนจาก i) แบรนด์ที่แข็งแกร่งของโรงพยาบาลในภาคตะวันออกของประเทศไทย ii) synergy ของเครือ iii) โรงพยาบาลที่เปิดใหม่มีผลประกอบการดีขึ้น และ iv) อานิสงส์จากโอกาสที่จะได้ปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลจากสำนักงานประกันสังคม

มีโอกาสได้ขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลจากสำนักงานประกันสังคม

ประเด็นนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 17 ธันวาคมหลังการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราเชื่อว่าข้อสรุปจะออกมาเป็นบวกกับทุกโรงพยาบาลที่ให้บริการประกันสังคมในปีหน้า โดยในเบื้องต้น เราประเมินว่าการขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลทุก ๆ 1% จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.3% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบ 1.8 % และมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากระดับปัจจุบัน ทั้งนี้ ครั้งสุดท้ายที่มีการปรับอัตราค่ารักษาพยาบาลประกันสังคมคือเดือนกรกฎาคม 2560

Valuation & Action

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของ CHG ปี FY62F เอาไว้ที่ 724 ล้านบาท (+14.2% YoY) และปี FY63F ไว้ที่ 824 ล้านบาท (+13.8% YoY) เราขยับไปใช้ราคาเป้ าหมายปี 2563 ที่ 3.00 บาท (DCF; WACC ที่ 7.9% และ TG ที่ 3.0%) จากเดิมที่ 2.84 บาท เราปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" (จาก "ถือ")

Risks

การแทรกแซงของทางการ, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย และการก่อการร้าย