'พปชร.' เขย่ากรรมการบริหาร ประชุมใหญ่ 21 ธ.ค

'พปชร.' เขย่ากรรมการบริหาร ประชุมใหญ่ 21 ธ.ค

“พปชร.” เสริมทัพกก.บห. จ่อตั้ง สมศักดิ์-สุริยะ-ธรรมนัส" รวมทีม สะพัดถอด “สนธิรัตน์” พ้น “เลขาฯ” ดัน “อนุชา” ขึ้นแท่น ด้านตร.ชี้ กิจกรรมแฟลชม็อบเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.การชุมนุมฯ สั่งทีมกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิด “2แกนนำอนค.” ปัดปลุกม็อบหวังอุ้ม“ธนาธร"

วานนี้(15ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม.ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ในหนังสือขอเชิญประชุมดังกล่าว นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ลงนามเชิญคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกที่ได้รับเชิญ เข้าร่วมการประชุม นอกจากวาระแลกเปลี่ยนเพื่อหาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอต่อกรรมการบริหารพรรคแล้ว 

สำหรับวาระสำคัญที่ต้องจับตา คือ การเสนอปรับโครงสร้างพรรคโดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากชุดเดิมเป็นชุดที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการจดจัดตั้งพรรคและเตรียมการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 เพื่อให้การบริหารงานหลังจากนี้เดินหน้าการเมืองเต็มตัว เป็นไปตามสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน และเตรียมพร้อมการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยจะมีตัวแทนส.ส.แต่ละภาคเข้าไปมีสัดส่วนในกรรมการบริหารพรรค และเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่กำหนดให้มีได้ถึง 45 คน

ขณะที่รายชื่อกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ชุดปัจจุบัน มีทั้งหมด 24 คน ได้แก่ 1.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค 2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค 3.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรค 4.นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค ขณะที่กรรมการบริหารพรรค 5.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ 6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 7.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล 8.นายอิทธิพล คุณปลื้ม 9.นายชวน ชูจันทร์ 10.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ 11.นายณพพงศ์ ธีระวร 12.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 13.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 14.นางวลัยพร รัตนเศรษฐ 15.นายวิเชฐ ตันติวานิช 16.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 17.นายสันติ กีระนันทน์ 18.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล 19.นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ 20.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 21.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 22.น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 23.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ และ24.นายอนุชา นาคาศัย

สำหรับคนใหม่ที่จะเข้ามา อาทิ 1.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ​ 2.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน​ 3.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า​ 4. นายสันติ พร้อมพัฒน์ 5.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 6.นายสุชาติ ชมกลิ่น 7.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา 8.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ 9.นายวันชัย ปริญญาศิริ 10. นายนิพันธ์ ศิริธร ทั้งนี้ การเพิ่มรัฐมนตรีและส.ส.เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคนั้น เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานตามสัดส่วนภาคให้มากยิ่งขึ้นตามแนวทางของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค

ขณะที่ตำแหน่งสำคัญ อย่างตำแหน่งเลขาธิการพรรค ต้องถูกจับตาเช่นเดียว โดยมีกระแสข่าวอาจมีการพิจารณาปรับเปลี่ยน เพื่อได้คนมาทำหน้าที่ประสานส.ส.ในพรรคได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ มีชื่อนายอนุชา นาคาศัย ส.ส. ชัยนาท ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์พรรค เป็นแคนดิเดต ซึ่งถูกมองว่ามีความเหมาะสมในการทำ

ตร.จ่อเอาผิดแฟลชม็อบ

ส่วนความเคลื่อนไหวหลังจัดกิจกรรมแฟลชม็อบของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) เมื่อวันที่14ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานว่าการกระทำของแกนนำผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร ส่วนการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบเข้าข่ายละเมิดพ.ร.บ.การชุมนุมฯ หรือไม่นั้นมีความผิดชัดเจนอยู่แล้ว เพราะไม่มีการมาแจ้งการชุมนุม ซึ่งการจะทำอะไรก็ตามต้องทำตามกติกากฎหมายบ้านเมือง

โต้ปลุกแฟลชม็อบอุ้ม‘ธนาธร’

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนค. ทวีตภาพการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบของพรรคอนาคตใหม่ ที่บริเวณสกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมข้อความ และติดแฮชแท็ก ผ่านทวิตเตอร์ ว่า “เมื่อวานนี้ #ไม่ถอยไม่ทน #กลัวที่ไหน #เห็นหัวประชาชนบ้าง”

เช่นเดียวกับน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกอนค. กล่าวว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนที่มารวมตัวกันนั้น ไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวาย ตามที่มีบางคนแสดงความกังวลแต่อย่างใด คนที่ออกมาชุมนุมล้วนทำกิจกรรมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเราออกมารวมตัวกันด้วยความสงบ โดยไม่สร้างความเดือดร้อน ขณะที่จำนวนคนที่ออกมานั้นมากกว่าที่เราคิดไว้แต่แรก

ส่วนจุดยืนของคนที่ออกมาออกมาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องการปกป้องหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอน แต่บรรดาคนที่มาร่วมชุมนุมคือคนที่ไม่อาจทนกับความไม่ยุติธรรม และการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ดีกรณีที่นายธนาธรระบุว่า เดือนหน้าเจอกัน เรื่องนี้นายธนาธรเองประกาศไปแล้วว่าจะไปร่วมงานวิ่งไล่ลุง เช่นเดียวกับแกนนำพรรคคนอื่นๆ แต่ในส่วนของกิจกรรมของพรรคต่อไปนั้นขอให้รอดูแล้วกัน

2 ส.ส.อนค.ขวางปลุกม็อบ

ด้านน.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี อนค.เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมที่สกายวอล์ค เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.เนื่องจากติดภารกิจในพื้นที่ อีกอย่างหากเป็นกิจกรรมของพรรคก็มักจะไม่ได้รับแจ้งให้ไปร่วมแต่อย่างใด สำหรับการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่พูดยากเพราะมีทั้งสองด้านให้ต้องพิจารณาข้อดี คือ เป็นการประกาศจุดยืนและท่าทีให้ชัดเจน ส่วนอีกมุมหนึ่งคือ อาจจะไม่เหมาะ เพราะเมื่อเราเป็นพรรคการเมืองก็ควรเดินหน้าทำงานในสภาเป็นสำคัญ และส่วนตัวก็ไม่อยากให้เกิดการชุมนุม เพราะไม่รู้ว่าอนาคตสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ทางที่ดีคิดว่าต้องใช้กลไกตามระบบสภาดีที่สุด

ขณะที่พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี อนค.กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่สกายวอล์ควันเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.เมื่อการชุมนุมเป็นการใช้เสรีภาพตามกฎหมาย การแสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยก็เป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายเหมือนกัน ส.ส.บางคนในพรรคบางส่วนก็ไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากแสดงความคิดเห็นหรือออกตัวในเรื่องนี้

“สภายังทำงานและเดินไปตามกลไก เพราะอีกไม่นานจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาล ถึงตอนนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินด้วยตัวเองภายหลังได้ข้อมูลอีกด้านในสภาของฝ่ายค้าน”

วอนปชช.รับฟังข้อมูลรอบด้าน

ส่วนท่าทีจากทางรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการติดตามสถานการณ์การชุมนุมดังกล่าวโดยตลอด จากการรายงานของฝ่ายความมั่นคง แต่ไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่เป็นห่วงคือเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และเป็นสิ่งที่ทางโฆษกกระทรวงกลาโหมได้ออกมาย้ำแล้วว่า เรื่องของการให้ข้อมูลจะต้องเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่การยั่วยุ เพราะตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการการเลือก(กกต.)ตั้งมีมติ เงินที่ให้กู้ ไม่ได้อยู่ในหมวดของที่จะเป็นรายได้พรรคได้ เมื่อมีข้อสรุปว่าส่งศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคอนค.ก็ต้องไปชี้แจงโต้แย้ง สู้ด้วยหลักการบนชั้นศาล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเองก็ต้องให้โอกาสในการส่งเอกสารหลักฐานเพื่อชี้แจงได้อยู่แล้ว

ส่วนที่ตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งเอาผิดพ.ร.บ. ชุมนุม ตรงนั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ในส่วนของนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องของการได้รับรายงานเรื่องสถานการณ์ความปลอดภัยซึ่งไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง เสียหายอะไรของประชาชน ตามที่นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงสูงสุด ส่วนที่นายธนาธรและกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศรวมตัวชุมนุมอีก โดยการลงถนนในช่วงเดือนม.ค.63 นั้น ก็ต้องติดตามดูต่อไป อยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่า ขอประชาชนฟังข้อมูลรอบด้านก่อนที่จะตัดสินใจ

กกต.โต้เร่งรัด 89 วันชงยุบอนค.

วันเดียวกันกกต. เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อว่า กกต.ใช้เวลา 89 วัน ในการพิจารณากรณีการกู้เงินของนายธนาธร ให้พรรคกู้ยืมจำนวน 191 ล้านบาท แล้วมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ทันทีว่า กรณีดังกล่าวนายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นหนังสือต่อกกต. ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.2562 ขอให้กกต.ตรวจสอบ กรณีนายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน และเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2562 นายศรีสุวรรณได้มายื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อขอส่งเอกสารพยานหลักฐาน (เพิ่มเติม) ภายหลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่เอกสารบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของนายธนาธร ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่

“ดังนั้นนายศรีสุวรรณจึงมิได้พึ่งมายื่นหนังสือต่อกกต.เมื่อวันที่ 23 ก.ย.62 และ กกต. ไม่ได้ใช้ระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวเพียง 89 วัน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด”

นอกจากนี้กกต.ยังได้ชี้แจงเฟซบุ๊ค "iLaw" ที่ได้เสนอข้อมูลว่า ในบัญชีรายชื่อ สรรหาสมาชิกวุฒิสภาผู้ที่เข้ารอบสุดท้ายที่ส่งรายชื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติคัดเลือก ในลำดับที่ 235 นายลือชา การณ์เมือง ปรากฏในวงเล็บท้ายชื่อดังกล่าวว่า “ประธาน กกต. เสนอ” นั้น ไม่เป็นความจริง