ดัชนีดอลลาร์ร่วงหลังสหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก

ดัชนีดอลลาร์ร่วงหลังสหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงในวันศุกร์ (13ธ.ค.) จากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐและจีนยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก

เมื่อเวลา 00.05 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.02% สู่ระดับ 109.27 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.08% สู่ระดับ 121.52 เยน และอ่อนค่า 0.05% สู่ระดับ 1.1122 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ลบ 0.25% สู่ระดับ 97.16

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทวีตยืนยันว่า สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน และสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.แต่สหรัฐ จะยังคงเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ และเก็บภาษี 7.5% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์

ปธน.ทรัมป์ ยังระบุว่า จีนตกลงที่จะทำการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหลายประการ และจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตร พลังงาน และสินค้าในภาคการผลิตของสหรัฐ

นอกจากนี้ สหรัฐและจีนจะเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสสองโดยทันที แทนที่จะรอจนกว่าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

ขณะเดียวกัน ทางการจีนได้จัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันนี้ โดยยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยการเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก

นอกจากนี้ จีนยังระบุว่า สหรัฐจะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน ขณะที่จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ แต่ไม่มีการระบุวงเงินแต่อย่างใด

สำหรับขั้นตอนต่อไป ทั้งสองฝ่ายจะนำข้อตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และกำหนดวันในการลงนามต่อข้อตกลง

ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศของสภาแห่งรัฐเป็นหน่วยงานจัดการแถลงข่าวดังกล่าว โดยมีผู้เข้าร่วมการแถลงข่าว ได้แก่ นายเจิ้ง จือกวง รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ, นายฮั่น จุน รัฐมนตรีช่วยเกษตรและกิจการชนบท รวมทั้งนายหวัง โชเหวิน รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ และรองผู้แทนการค้าระหว่างประเทศของจีน

ขณะที่เงินปอนด์ พุ่งขึ้นเทียบดอลลาร์และยูโรในวันนี้ ขานรับชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยเมื่อเวลา 19.51 น.ตามเวลาไทย ปอนด์แข็งค่า 1.72% สู่ระดับ 1.3388 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 1.25% สู่ระดับ 0.8345 เทียบยูโร

ในช่วงแรก หลังมีการเปิดเผยผลเอ็กซิทโพลล์ ปอนด์ทะยานขึ้นมากกว่า 2% เทียบดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่พุ่งขึ้นเทียบยูโร แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการทำประชามติว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) ในปี 2559

นอกจากนี้ การที่ปอนด์ทะยานขึ้นมากกว่า 2% นับเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าปอนด์จะดีดตัวขึ้นต่อไปแตะระดับ 1.40 ดอลลาร์

ทั้งนี้ พรรคอนุรักษ์นิยมของนายจอห์นสันสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลาย โดยสามารถคว้า 364 ที่นั่งในสภาสามัญชน หรือสภาล่างของอังกฤษ ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530 และมากกว่าเพดานเสียงข้างมากที่กำหนดไว้ที่ 326 ที่นั่งสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่พรรคแรงงานได้เพียง 203 ที่นั่ง ซึ่งเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2478