สศช.ชงรับมืองาน 'เน็กซ์เจน' ชี้แนวโน้มพุ่งปีละ 6 แสนคน

สศช.ชงรับมืองาน 'เน็กซ์เจน' ชี้แนวโน้มพุ่งปีละ 6 แสนคน

สศช.ชงแผนรับมือการทำงานรูปแบบใหม่ “เน็กซ์เจน” ทำงานอิสระ สนใจงานดิจิทัล ค้าออนไลน์ ชี้แนวโน้มพุ่งปีละ 3-6 แสนคน หวั่นเจนวายไม่วางแผนการเงิน แนะปรับตัวเพิ่มความสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์

สำนักงานคณะสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ติดตามรูปแบบของ "งาน” และ “การทำงาน” ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปจากในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ (Globalization) และการปรับเปลี่ยนที่รวดเร็วของเทคโนโลยี ซึ่งทำให้เกิดรูปแบบและกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy) และเศรษฐกิจแบบชั่วคราว (Gig Economy)

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช.เปิดเผยว่า ภาครัฐควรจะเข้ามาดูแลในเรื่องของรูปแบบการทำงานแบบใหม่ของการทำงานที่คนรุ่นใหม่ให้ความนิยม โดยเฉพาะรูปแบบการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ตอบสนองต่อวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่มีคำเรียกว่า “NextGen Work” เพราะรูปแบบของรายได้ การทำงาน แตกต่างจากในอดีต ซึ่งควรมีการออกแบบนโยบายและสวัสดิการที่เหมาะสมเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการวางแผนทางการเงินในระยะยาวไปจนถึงวัยเกษียณอายุด้วย

สำหรับรูปแบบการทำงานของคนรุ่นใหม่จะเป็นการทำงานที่เน้นการเป็นอิสระ สามารถเลือกระบบการทำงานของแต่ละบุคคล เอื้อให้บุคคลมีรายได้หลายช่องทางจากผู้ว่าจ้างงานหลายรายพร้อมกัน อีกทั้งยังเอื้อต่อการจัดสรรเวลาการทำงานกับการใช้ชีวิตส่วนตัวให้สมดุลเหมาะสม

โดยงานในลักษณะนี้ครอบคลุมทั้งงานในลักษณะงานสัญญาจ้าง งานโครงการ งานไม่เต็มเวลา งานตามฤดูกาล งานไม่ประจำ และงานอาชีพอิสระ เฉพาะกิจ ซึ่งแนวโน้มของแรงงานที่จะทำงานในลักษณะนี้มีมากขึ้น

สำหรับสิ่งที่ต้องคำนึงคือจากการศึกษาพลวัตความเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของไทยและการเปลี่ยนผ่านสู่การทำงานแบบ NextGen Work โดยสศช.ร่วมกับบริษัทศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ จำกัด ในปีนี้พบว่ากลุ่มคนที่ทำงานในรูปแบบใหม่ยังไม่มีความตระหนักถึงเรื่องการวางแผนด้านการเงินในอนาคตเท่าที่ควร โดยในกลุ่มตัวอย่างอายุระหว่าง 18 -39 ปี จำนวน 6,255 คน พบว่า 72% ยังไม่ได้มีการวางแผนเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในยามเกษียณ ขณะที่กลุ่มที่เตรียมความพร้อมเรื่องการเกษียณอายุมีเพียง 28% เท่านั้ัน

ทั้งนี้ จากข้อมูลการสำรวจรูปแบบการทำงานที่ต้องการกับกลุ่มตัวอย่างในช่วงอายุ 18-65 ปี จำนวน 9,500 คน จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกของ Manpower Group พบว่า รูปแบบการทำงานแบบ NextGen Work กำลังได้รับความสนใจในปัจจุบัน โดย 87% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่า ตนเองพร้อมที่จะเปิดรับการทำงานแบบคนรุ่นใหม่ในอนาคต และมีกลุ่มตัวอย่างบางส่วนระบุว่าตนเองกำลังทำงานแบบคนรุ่นใหม่อยู่ ณ ปัจจุบัน นอกจากนี้ 90% ระบุว่าตนเองมีความสุขกับการทำงานแบบคนรุ่นใหม่ และวางแผนจะทำงานรูปแบบนี้ในอนาคตสำหรับประเทศไทย

157624356967

คาดทำงานรูปแบบใหม่2ล้านคน

ส่วนข้อมูลจากการสำรวจของ Fastwork เว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้บริการจัดหางานออนไลน์สำหรับฟรีแลนซ์และอาชีพที่เป็นพนักงานประจำพบว่า ในปัจจุบันแรงงานในประเทศไทยมีลักษณะการทำงานแบบคนรุ่นใหม่จำนวนมากกว่า 2 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 300,000-600,000 คน 

โดยเฉพาะในกลุ่มคนเจเนอเรชันวาย (กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 2524 -2544) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานจากแบบดั้งเดิม (Traditional employment) สู่รูปแบบการทำงานแบบเป็นนายตนเอง (Self-employment)และมีแนวโน้มในการประกอบอาชีพในรูปแบบใหม่มากขึ้น 

ทั้งนี้ จำนวน 1 ใน 3 ของกลุ่มคนเจเนอเรชันวายจะทำงานแบบ NextGen Work สูงกว่าคนในกลุ่มอื่นๆ ที่มีอายุมากกว่า เนื่องจากคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ชอบการทำงานประจำเป็นเวลานาน และต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่จากการทำงานหลายที่อาชีพ ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าลักษณะการทำงานแบบคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยที่นิยมสูงสุด 4 อันดับแรก ได้แก่ อาชีพกราฟิกดีไซน์ อาชีพเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์และโฆษณา อาชีพเกี่ยวกับเว็บและโปรแกรมมิ่ง และอาชีพเกี่ยวกับงานเขียนและแปลภาษา

แนะพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

รวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังจำเป็นจะต้องมีการปรับตัว เพื่อให้สามารถตอบสนองการทำงานในรูปแบบใหม่ ซึ่งนอกจากด้านความรู้ความสามารถในเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลแล้ว ระบบความคิดก็ต้องมีการพัฒนาไปสู่การคิดเชิงวิเคราะห์ และการคิดเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น รวมทั้งจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญของการออมเงิน และการวางแผนด้านการเงินในอนาคต เพื่อความมั่นคงของชีวิตในยามเกษียณ

นอกจากนี้แม้ว่าเด็กรุ่นใหม่จะเป็นกลุ่มที่ชอบความเป็นอิสระ ต้องการเป็นผู้จัดการตนเอง รวมถึงชอบการทำงานที่ยืดหยุ่นสูงแต่ยังเป็นกลุ่มที่ตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงด้านรายได้ และสวัสดิการ ดังนั้นจึงพบว่ากลุ่มเด็กรุ่นใหม่จำนวนมากยังคงทำงานในระบบทั้งภาครัฐและเอกชน แต่มีบางส่วนที่ต้องการเพิ่มรายได้ และตอบสนองความชื่นชอบส่วนบุคคล ด้วยการทำอาชีพที่ 2 และพร้อมจะเปลี่ยนไปทำอาชีพอิสระเป็นอาชีพหลักได้เช่นกัน หากสร้างรายได้ได้มากกว่า

157637825091