'แบม' เทรดวันนี้ ลุ้นยืนเหนือจอง รับธุรกิจขาขึ้น

หุ้นบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ในวันนี้(16ธ.ค.) เป็นวันแรก ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า ราคาหุ้นจะปรับขึ้นสูงกว่าราคาที่เปิดเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไอพีโอ) ที่ 15.70 บาท เนื่องจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ยังมีอนาคตที่สดใส

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET กล่าวว่า ราคาหุ้น BAM น่าจะยืนเหนือราคาจองซื้อได้ เพราะราคาไอพีโอที่ 15.70 บาท เทียบอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) ไม่แพง คิดเป็นอัตราส่วนแค่ 10 เท่า ประกอบกับมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน(กรีนชู) อีก 230 ล้านบาท แต่ในขณะเดียวกันราคาหุ้นก็คงไม่ได้ปรับขึ้นหวือหวานัก

“เชื่อว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นคงไม่แรงมาก เพราะ การเติบโตของกำไรสุทธิ จะโตน้อยกว่า บริษัทที่อยู่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่เช่น บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) และ บมจ. ชโย กรุ๊ป CHAYO ที่มีกำไรเติบโต ปีละ 30 % เพราะ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ และ BAM เน้นการบริหารสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์”

นายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ปีหน้ายังมีการเติบโตต่อเนื่อง จากที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPL)ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงหลังจากที่มีนโยบายรถยนต์คันแรกพบว่าหนี้ภาคครัวเรือนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น มาตลอด เพราะ เมื่อการให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ NPL เพิ่มขึ้นตามมา โดยเมื่อหนี้ภาคภาคครัวเรือนเพิ่มส่งผลให้ประชาชนมีภาระการผ่อนชำระมากขึ้น และยิ่งในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะทำให้เป็น NPL ได้ง่ายขึ้น ขณะที่สถาบันการเงินก็จะพยามบริหารจัดการหนี้ NPL ทำให้มีการนำหนี้ NPL ออกมาประมูลขายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ส่งผลดีกับบริษัทที่มีการทำธุรกิจซื้อหนี้เข้ามาบริหาร คือ บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) และ บมจ. ชโย กรุ๊ป CHAYOและ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM)ทำให้มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

อนึ่งBAM เสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 1,765 ล้านหุ้น คิดเป็น 54 % ของหุ้นทั้งหมดเสนอขายหลังไอพีโอ แบ่งเป็น หุ้น สามัญเพิ่มทุน จำนวน 280 ล้านหุ้น หุ้นเดิมที่เสนอขายโดย และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จำนวน 1,255 ล้านหุ้น และการเสนอขายหุ้นครั้งนี้มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู)จำนวน 230 ล้านหุ้น ส่วน ผลการดำเนินงานงวด ไตรมาส 3 ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 881.32 ล้านบาท ลดลง 23.94 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,158.79 ล้านบาท ขณะงวด 9 เดือน 2562 มีกำไรสุทธิ 4,882.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.46 % จาก9 เดือนปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,310.79 ล้านบาท