'ระเฑียร'สั่งลุยสินเชื่อพี่เบิ้ม ชู'นิวเอสเคิร์ฟ'ดันกำไรก้าวกระโดดหลังปี64

'ระเฑียร'สั่งลุยสินเชื่อพี่เบิ้ม ชู'นิวเอสเคิร์ฟ'ดันกำไรก้าวกระโดดหลังปี64

นับถอยหลัง 4 ปีก่อนที่ ระเฑียร ศรีมงคล หรือ “หมอระเฑียร” ซีอีโอคนเก่งของบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ เคทีซี ในวัย 60 ปีหมาดๆ จะลงจากเก้าอี้(หากไม่ยอมต่อวาระ)

ผู้ถือหุ้นต่างฝากความหวังก่อนจากกันว่าจะได้เห็นผลประกอบการของเคทีซี เติบโตขึ้นทุกวัน ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามมา เหมือนที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต

“หมอระเฑียร” เข้ามาบริหาร เคทีซี เมื่อปี 2555 เขากล้าประกาศตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่งว่า จะทำให้เคทีซีมีกำไรตั้งแต่ปีแรก ซึ่งเขาก็สามารถทำได้ เคทีซีจากขาดทุน 1,621 ล้าบาท เมื่อปี 2554 พลิกมาทำกำไร 255 ล้านบาทในปีถัดมา หลังจากนั้นกำไรของเคทีซี ก็ขยับเพิ่มขึ้นทุกปี พร้อมๆกับราคาหุ้นที่ขยับเพิ่มตาม จน เคทีซี กลายเป็นหนึ่งในหุ้นไม่กี่ตัวที่ราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555

8 ปีก่อนหน้าของเคทีซีภายใต้การบริหารของ “หมอระเฑียร” รายได้และกำไร เติบโต 2 หลักทุกปี เคทีซี เป็นบัตรเครดิตที่ครองใจผู้บริโภค ทั้งในแง่จำนวนบัตรและการใช้จ่าย ครองมาร์เก็ตแชร์ลำดับต้นๆของประเทศ ราคาหุ้นก็ปรับสูงขึ้นมาตลอด จากราคา 7 บาท ขึ้นไปสูงสุดถึง 400 บาท ก่อนที่จะแตกพาร์ และยังรักษาระดับราคาที่ 40 บาทไว้ได้ แม้ดัชนีหุ้นจะหลุด 1,600 จุดไปแล้วก็ตาม

ณ วันที่ 30 ก.ย.2562 อุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล มีอัตราการขยายตัวที่ดี ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตทั้งระบบอยู่ที่ 404,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนบัตรเครดิตรวมทั้งระบบ 23,146,377 ใบ เพิ่มขึ้น 7.3% ส่วนยอดใช้จ่ายรวม 1,354,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลยอดคงค้าง 561,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50%

ของเคทีซีในงวดเดียวกัน มีอัตราการขยายตัวใกล้เคียงอุตสาหกรรม โดยมีลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิต 2,245,515 ใบ เติบโตจากปีก่อน 7.3% ยอดลูกหนี้บัตรเครดิต 51,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 152,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% และ สินเชื่อส่วนบุคคล 28,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9%

ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี้ มีกำไร 4,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และมีรายได้จำนวน 16,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ 4,592 ล้านบาท นักลงทุนคาดหวังสูงว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง

“ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การแข่งขันที่รุนแรงทั้งแบงก์และนอน-แบงก์ และการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นของแบงก์ชาติ การจะเข็นให้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดโตในตัวเลข 2 หลักเหมือนในอดีต ต้องบอกเลยว่าเหนื่อย”หมอระเทียร กล่าว

หมอระเทียร บอกว่า หากจะให้เคทีซีโตต่อเนื่อง ต้องอดทนรอ เพราะปี 2020 เคทีซี ต้องปรับกลยุทธ์การตลาด จะเน้นการเติบโตของรายได้และกำไร บนฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่คงไม่ได้แล้ว จำเป็นจะต้องใช้งบการตลาดมากขึ้นจากที่ใช้อยู่ในปัจจุบันปีละไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อขยายฐานลูกค้า ทั้งในส่วนของจำนวนบัตรเครดิต และ สินเชื่อส่วนบุคคล และที่จะมีเพิ่มเข้ามา“สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม” ที่จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ ที่จะทำให้เคทีซีกลับมาโตอย่างก้าวกระโดดในอีก 2 ปีข้างหน้า

“เศรษฐกิจปี 2563 ไม่ดีเท่าไหร่ เราอาจมีกลยุทธ์เพื่อโต แต่คงบรรลุผลไม่ง่าย ทำได้จากเท่าที่ผ่านมาทั้งหมด เรามีโอกาสที่จะโต แต่ถ้าโตน้อยนักลงทุนไม่แฮปปี้กับเรา แต่สภาพปัจจุบัน เราจำเป็นต้องโตอย่างระมัดระวัง”หมอระเฑียร กล่าวและว่า

“ปีหน้าเราจะเน้นการสร้างมาร์เก็ตแชร์ เราจะรุกขยายฐานบัตรเครดิต และ สินเชื่อส่วนบุคคล และ เราจะมีสินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม ที่เป็น New S-curve ของเรา”

ปี 2020 เคทีซีตั้งเป้าเพิ่มฐานบัตรเครดิต 350,000 ใบ เติบโตจากปีก่อนหน้ามากกว่า 10% ซึ่งถือว่ามากพอสมควรเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ และจะเพิ่มฐานลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล ผ่านบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” 210,000 บัญชี ควบคู่ไปกับการขยายพันธมิตรร้านค้ารับบัตรให้มากขึ้น ทั้ง KTC KLEXI และร้านค้าอาลีเพย์(Alipay)ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

ส่วน ”สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม” วางเป้าไว้ 1,500 ล้านบาท จะมีผลิตภัณฑ์มารองรับมากกว่า 10 ประเภท ที่ได้เริ่มทดลองทำตลาดแล้ว เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยน์ สินเชื่อเงินสด สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และ สินเชื่อพิโคไฟแนนซ์ ซึ่งปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดี ก็จะรุกมากขึ้น โดยเน้นการให้รับสมัครผ่านออนไลน์มากขึ้น

“โต 2 หลัก จะยากในแง่ของกำไร เพราะเราไปเน้นสร้างพอร์ตฟอร์ลิโอ และ ขยาย new s-curve ที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18 เดือน ที่จะมาทดแทนรายได้ในอนาคตให้กับเคทีซี”

หมอระเฑียร ซึ่งฝากความหวังไว้สูงมากกับสินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม ถึงกับกล้าประกาศว่า สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม จะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ที่จะจะเข้ามาอีก 24 เดือนข้างหน้า หากทำได้ ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างกำไรให้เคทีซี ก้าวกระโดดอีกครั้งหลังปี 2564

“ผมมีความเห็น 3 เรื่อง หลังทุกท่านได้ท่องอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ เรื่องแรก การดูแลสิ่งแวดล้อม เรื่องที่ 2 แอฟริกาใต้กำลังเข้าสู่สังคมไร้เงินสด และสุดท้าย โชคชะตาที่แตกต่างกัน บางคนได้เห็นเสือ ได้เห็นสิงห์โต แต่บางคนเห็นแค่กวาง ที่มีอยู่ทั่วไป”หมอระเฑียร กล่าว

เพราะฉะนั้นการนำ เคทีซี กลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างรายได้และกำไรเป็นกอบเป็นกำเหมือนในอดีต ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงนั้น จึงเป็นเดิมพันที่สูงมาก ของ หมอระเฑียร ใน 4 ปีจากนี้ ไม่ต่างจากภารกิจล่าสิงห์โต ที่ขอบอกว่าไม่มีใครในทริปได้เจอเลย