สัมผัสลมหนาวบน "อุทยานแห่งชาติน้ำพอง" วิวสวย 360 องศา

สัมผัสลมหนาวบน "อุทยานแห่งชาติน้ำพอง" วิวสวย 360 องศา

ชวนปักหมุดเที่ยวขอนแก่น ณ อุทยานแห่งชาติน้ำพอง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติยอดฮิตแห่งใหม่ของดินแดนเสียงแคนดอกคูณ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสลมหนาวแบบเย็นฉ่ำเต็มปอด

สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวแห่งใหม่แบบไม่ซ้ำใครอยู่ล่ะก็...แนะนำให้ปักหมุดเที่ยวขอนแก่น ดินแดนดอกคูณที่ไม่ได้มีแค่ซากฟอสซิลไดโนเสาร์ งานไหมผูกเสี่ยว และบึงแก่นนครเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวหน้าหนาวที่น่าสนใจอย่าง "อุทยานแห่งชาติน้ำพอง" ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสอากาศหนาวสุดขั้วอย่างแท้จริง แถมยังมีจุดชมวิวมุมสูงที่ทำให้มองเห็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ป่าเขา และหมู่บ้านหลายๆ อำเภอในจังหวัดขอนแก่นได้รอบด้านแบบ 360 องศา

อุทยานแห่งชาติน้ำพอง เป็นชื่อเรียกตามต้นกำเนิดลำน้ำพองที่ไหลมารวมกับอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางโดยเฉลี่ยประมาณ 200-600 เมตร เป็นอุทยานแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามข้อเสนอของจังหวัดขอนแก่น โดยกรมป่าไม้พิจารณากำหนดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเม็ง ป่าโคกหลวง ป่าโคกหลวงแปลงที่สาม ในท้องที่จังหวัดขอนแก่น ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์และจุดเด่นที่สวยงาม 

แต่เดิมที่นี่มีชื่อเรียกว่า “น้ำพอง-ภูเม็ง” เพราะมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเทือกเขาภูเม็ง อุทยานแห่งชาติน้ำพองตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดขอนแก่นติดกับเขื่อนอุบลรัตน์ ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าโสกแต้ ป่าภูเม็ง ป่าโคกหลวง ป่าโคกหลวงแปลงที่สาม ป่าภูผาดำ ป่าภูผาแดง ในเขตอำเภออุบลรัตน์ อำเภอบ้านฝาง อำเภอหนองเรือ อำเภอมัญจาคีรี และ กิ่งอำเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัดขอนแก่น รวมทั้งพื้นที่บางส่วนของ อำเภอบ้านแท่น อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ประมาณ 197 ตารางกิโลเมตร หรือ 123,125 ไร่

157623294872

ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาหินทราย ได้แก่ หินชุดเขาวิหาร หินชุดภูกระดึง และหินชุดเสาขัว สภาพทางปฐพีเป็นดินร่วนปนทราย ได้แก่ ดินชุดโคราช ดินชุดสตึก ดินชุดบรบือ และดินชุดน้ำพอง โดยประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญๆ ได้แก่ เทือกเขาภูพานคำ ภูเม็ง และภูผาดำภูผาแดง ถือเป็นเทือกเขาสำคัญของภาคอีสาน เพราะเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารส่วนหนึ่งของลำน้ำที่สำคัญหลายสาย เช่น ลำน้ำพอง ลำน้ำเชิญ ลำน้ำชี เป็นต้น

ส่วนลักษณะภูมิอากาศนั้น ฤดูกาลของอุทยานแห่งชาติน้ำพองแบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ "ฤดูร้อน" ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม, "ฤดูฝน" ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนตุลาคม, "ฤดูหนาว" ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศสูงทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีต่ำสุดประมาณ 23.8 องศาเซลเซียส จึงเหมาะมากที่จะเดินทางไปเที่ยวหน้าหนาว เพราะบรรยากาศดีสามารถเดินชมวิวธรรมชาติต่างๆ ได้แบบไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนช่วงฤดูอื่น

157623294848

ใครที่อยากมาเที่ยวที่นี่ สามารถมานอนกางเต็นท์ชมดาวยามค่ำคืนได้ชิลๆ ได้ยินมาว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งแห่งในเมืองไทยที่สามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้ด้วย ส่วนในช่วงกลางวันก็สามารถไปเดินเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เดินง่ายๆ ไม่ลำบากเกินไป ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนจุดท่องเที่ยวเด่นๆ ภายในเส้นทางของอุทยานแห่งชาติน้ำพอง ได้แก่

1. จุดชมวิวผาหมื่น เป็นจุดแรกที่จะได้เจอในเส้นทางนี้ สามารถชมวิวป่าเขาและอ่างเก็บน้ำจากมุมสูงได้อย่างสวยงาม และมีลมเย็นๆ พัดเข้ามาตลอด ใครที่กลัวหนาวอาจจะต้องสวมเสื้อกันลมมาด้วย

2. กลุ่มหินทรายรูปสัตว์ หลังจากนั้นก็เดินตามเส้นทางไปเรื่อยๆ จะได้พบกับประติมากรรมหินทรายธรรมชาติที่ถูกลมฝนกัดกร่อนไปตามกาลเวลา จนทำให้มีรูปร่างดูเหมือนสัตว์ต่างๆ เช่น หินรูปงวงช้าง หินรูปคิงคอง หินรูปแมวน้ำ เป้นต้น

3. ผาตะวันลับฟ้า เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะพบกับลานกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเพิงหินแผ่นใหญ่ ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า "ผาตะวันลับฟ้า" เป็นลานสำหรับทำกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แถมยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย

157623294752

157623295035

157623295084

4. สะพานเชื่อมหิน เป็นสะพานทางเดินทำจากไม้ ที่ทางอุทยานฯ เพิ่งจะสร้างเสร็จได้ปีกว่าๆ ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และเหล่าเยาวชนที่มาเข้าค่ายในการเดินชมธรรมชาติภายในอุทยาน สะพานไม้นี้มีอยู่ด้วยกันหลายจุด ซึ่งจุดสุดท้ายจะเป็นสะพานเชื่อมหินที่ยาวที่สุด 

5. น้ำในโพรงหิน จุดนี้เป็นลักษณะของแอ่งน้ำตื้นที่ซ่อนอยู่ใต้แผ่นหิน เกิดจากเมื่อฝนตกน้ำฝนจะซึมทะลุจากหินด้านบนลงมาสู่แอ่งน้ำแห่งนี้ ซึ่งน้ำตรงนี้มีอยู่ตลอดทั้งปี ไม่มีแห้ง ภายในหลืบซอกหินตรงแอ่งน้ำสังเกตพบกบภูเขาอาศัยอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง และบริเวณด้านข้างแผ่นหินนี้ก็มีรูเล็กๆ อยู่ด้วย สันนิษฐานว่าจุดนี้เป็นจุดที่ช้างป่าใช้งวงล้วงเข้ามาดื่มน้ำตรงแอ่งนี้เป็นประจำ

157623294987

157623294876

6. ภาษามนุษย์หินโบราณ ใกล้ๆ กับแอ่งน้ำเป้นผาหินเตี้ยๆ ที่มีการค้นพบว่ามีร่องรอยอักษรของมนุษย์หินโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์จารึกอยู่ด้วย โดยได้มีทางกรมศิลป์และนักโบราณคดีมาสำรวจแล้วพบว่าเป็นร่องรอยการสลักอักษรโบราณจริง

7. หินช้างสี ส่วนจุดนี้ถือเป็นไฮไลต์ของอุทยานฯ เรียกว่า หินช้างสี มีลักษณะเป็นหินผาขนาดใหญ่ที่มีร่องรอยของโคลนดินเปื้อนอยู่ โดยชาวบ้านเชื่อว่ามีช้างป่ามาถูผิวหนังที่ผาหินแห่งนี้แสดงให้เห็นว่า เมื่อก่อนบริเวณแถบนี้มีช้างป่าอาศัยอยู่มากนั่นเอง

157627852082

157623295184

เอาเป็นว่าถ้าใครมาเที่ยวขอนแก่นก็อย่าลืมแวะมาเช็กอินรับลมหนาวที่อุทยานฯ แห่งนี้ รับรองว่าจะประทับใจในบรรยากาศและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของที่นี่แน่นอน อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ สำหรับชาวไทย : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ส่วนชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท แถมยังมีร้านค้าสวัสดิการ (กาแฟ น้ำดื่ม ขนม) เปิดให้บริการทุกวันเวลา เวลา 08.30 น. - 16.30 น. อีกด้วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการอุทยานฯ โทร. 096 739 7920

การเดินทาง

จากตัวเมืองขอนแก่น ให้ขับรถตรงไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ไปอำเภอชุมแพ) ถึง กม.30 กลับรถแล้วจะมีแยกเลี้ยวซ้าย (บ้านดอนดู่) เดินทางตามทางหลวงชนบทหมายเลข ขก.2015 มาอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะมีสามแยก(หนองแสง) เลี้ยวขวาไปเขื่อนอุบลรัตน์ตามทางหลวงชนบทหมายเลข ขก.4014 เดินทางผ่านบ้านหนองผือ และบ้านดอนกอก ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาด้านขวามือ รวมระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร

ที่มาบางส่วน : http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1102