สหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลง

สหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลง

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นแรง คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่คาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจาก S&P ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือเศรษฐกิจไทยจาก Stable เป็น Positive ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,563.85 จุด (+12.03 จุด) Volume 5.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ -2,873.97 ลบ. TFEX Net  +15,279 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 220.75 จุด +0.79% ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวที่ว่าสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับดีลการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค.นี้

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 42 เซนต์ +0.7% ปิดที่ 59.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับข่าวที่ว่าสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับดีลการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว

+ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและมาตรการ QE และปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนสู่ 1.2% ในปีนี้ จากเดิม 1.1%

ก.คลังมั่นใจ GDP ไตรมาส 4/2562 โตแจ่มสุดในรอบปีที่ 3.2% อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้น

+สศค.เผยหนี้สาธารณะต่อ GDP ในอนาคตปี 67 ไม่เกิน 50% จากกรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไม่เกิน 60%

-จำนวนชาวอเมริกันที่ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 49,000 ราย แตะระดับ 252,000 รายสูงสุดและเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 สูงกว่าที่คาดว่าจะแตะระดับ 213,000 ราย

+/-สหรัฐเผยดัชนี PPI ทรงตัวในเดือนพ.ย.

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD -3.0 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.16 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ราคานำเข้า-ส่งออกเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก โดยได้แรงหนุนจากการที่ สหรัฐและจีนได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกแล้ว ประกอบกับเอ็กซิทโพลระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษมีแนวโน้มชนะการเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าอังกฤษจะเดินหน้า Brexit คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,560-1,580 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. (TACC TNP JUBILE)
  • หุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน LTF (AOT CPALL PTT ADVANC BBL GPSC AWC  BH  CPNREIT  SF)
  • หุ้น Global Play (IVL TU KCE PTTEP PTTGC)

หุ้นรายงานพิเศษ

BBL (Bloomberg Consensus 207.45) เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค โดยซื้อหุ้นจากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์และแอสทร่ารวม 25 ล้านหุ้น คิดเป็น 89% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคา 1.77 เท่าของ BV เท่ากับ 1,498 รูเปียต่อหุ้น มูลค่ารวมราว 81,017 ล้านบาท การทำธุรกรรมนี้เพื่อเข้าถึงตลาดอินโดนีเซียซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน มีประชากรรวม 267 ล้านคน  มีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สูง

Permata เป็นธนาคารมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของประเทศอินโดนีเซียมีทั้งลูกค้ารายย่อย 32% ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 26% และลูกค้าองค์กร 42% จำนวนกว่า 3.5 ล้านราย มีสำนักงาน 332 แห่ง มีเงินให้สินเชื่อ 108 ล้านล้านรูเปียหรือ 234,000 ล้านบาท  เงินรับฝาก 120 ล้านล้านรูเปียหรือ 259,000 ล้านบาท %NPL 3.3% ณ 30 ก.ย.62 ลดจาก 8.8% ณ 31 ธ.ค.62

ความเห็น ธนาคารยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ทำให้คลายกังวลเรื่อง dilution effect ได้ใน  รวมทั้งมองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในอนาคต  ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 0.72 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 0.87 เท่า ขณะที่ราคาหุ้นลดลง 20%YTD ถือเป็นโอกาสในการทยอยซื้อ

หุ้นมีข่าว   

·      IHL  Analyst Meeting ราคาปิด 3.48 บาท

(Neutral - ฟื้นจากฐานต่ำ) มองข้ามไปปี 63 คาดกลุ่มรายได้บริการจะกลับมาโต (9M62 มีสัดส่วนรายได้ 14%) จากลูกค้าเดิมกลับมาสั่งซื้อ Woverine หลังจากที่หยุดส่งคำสั่งซื้อไป 2 ไตรมาสก่อนหน้านี้ เนื่องจากความต้องการใช้หนังน้อยและโรคระบาดในหมู นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ออเดอร์ใหม่จาก SHOEfabrik ผู้ผลิตและออกแบบรองเท้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการ Mass Production แล้ว และยังมีลูกค้าศักยภาพอีกหลายราย อาทิ  Clarks, Michael Kors, ROCKPORT, Timberland, New Balance และ Coach นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับแบรนด์รองเท้าชั้นนำอีก 2 ราย อย่างไรก็ดี ธุรกิจเบาะรถยนต์ (9M62 มีสัดส่วนรายได้ 75%) มีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

จุดเด่น ปันผลสม่ำเสมอย้อนหลัง 6 ปีเฉลี่ย 4% และ PE Ratio ปัจจุบัน 8.85 เท่าซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปี

·      (+) EA (Bloomberg Consensus 61.50 บาท)  จับมือ TFG ตั้งบริษัทร่วมทุน ทีเอฟ เทคลุยธุรกิจโซลาร์ฯ ตั้งเป้า 3 ปี มีกำลังการผลิตรวม 200 เมกะวัตต์ ดันรายได้พุ่งเฉียด 1 พันล้านบาท อมรมั่นใจปีหน้ารายได้ EA เติบโต 30% แตะ 2 หมื่นล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) JCK (Bloomberg Consensus - บาท)  รับ 2 เด้ง หลังแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินใน EEC คลอด หนุนให้พื้นที่อุตสาหกรรมพุ่งเท่าตัว จาก 2,500 ไร่ เป็น 5,000 ไร่ และคาดราคาขายที่ดินโตได้อีก 10-20% ตามความต้องการใช้ที่ดินเพิ่มจากต่างชาติไหลลงทุน ทั้งจากจีน-ยุโรป หนุนการเติบโตในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) PRM (Bloomberg Consensus 10.34 บาท) มั่นใจรายได้โต 10-12% ต่อปี กางแผนปี 63 ทุ่ม 2,000 ล้านบาท เล็งขยายกองเรือเพิ่ม 8 ลำ พร้อมจ่อเพิ่มอัตราค่าระวางขึ้นอีก 30% ส่งซิกมีดีล M&A ลุ้นชัดเจนปี 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+/-) NOK (Bloomberg Consensus - บาท) เพิ่มทุน 888.15 ล้านหุ้นเสนอขาย ผถห.เดิม 3.5:1 ราคาหุ้นละ 2.50 บาท (ที่มา อินโฟเควสท์)

·       (+) BDMS (Bloomberg Consensus 27.03 บาท) มั่นใจรายได้ไตรมาส 4/2562 โตต่อเนื่อง ปี 2563 ตั้งงบพันล้านบาท ผุดโรงพยาบาลกลางพัทยา รองรับการลงทุนใน EEC เล็งผนึกบริษัทประกันชีวิตออกกรมธรรม์เฉพาะเจาะจง เพิ่มฐานลูกค้าประกันตั้งเป้า 40% ของฐานรายได้รวม และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลแม่ข่าย 10 แห่ง เป็นเลิศด้านการรักษาพยาบาล (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) ZEN (Bloomberg Consensus 18.23 บาท)  เสริมทัพธุรกิจร้านอาหารส่งท้ายปลายปี 2562 เปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ "FOO Flavor" แนวเอเชี่ยนเซอร์ไพร์ส ประเดิมเปิด 2 สาขาแรกในปีนี้ ที่ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว และเตรียมเปิดบริการที่ศูนย์การค้า เอ็มควอเทียร์ ภายในเดือนธันวาคมนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) NEX (Bloomberg Consensus - บาท)  เปิดกลยุทธ์ปี 2563 ลุยธุรกิจรถบัสโดยสารครบวงจร ที่มีมูลค่าตลาดนับหมื่นล้านบาท หวังเพิ่มมูลค่ารายได้ประจำที่แน่นอนแข็งแกร่ง มั่นใจหนุนผลงานกลับมาเทิร์นอะราวด์ พร้อมสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)