ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200จุดคาดสหรัฐ-จีนทำดีลก่อนเส้นตาย

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200จุดคาดสหรัฐ-จีนทำดีลก่อนเส้นตาย

ขณะผู้เชี่ยวชาญด้านจีนเชื่อว่า ผลการประชุมในวันนี้ ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ปธน.ทรัมป์จะตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (12ธ.ค.)พุ่งกว่า 200 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่าสหรัฐใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 220.75 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 28,132.05 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 26.94 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 3,168.57 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 63.27 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 8,717.32 จุด

ราคาหุ้นของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์พุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันนี้ ขานรับคาดการณ์รายได้ของทางบริษัท โดยเดลต้า ซึ่งเป็นสายการบินสหรัฐที่มีผลกำไรมากที่สุด คาดการณ์ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 6% ในปีหน้า สู่ระดับ 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ระดับ 6.75-7.75 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.03 ดอลลาร์

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ว่าหรัฐใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ขณะที่ใกล้เส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน

“เรากำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับจีน พวกเขาต้องการทำข้อตกลง เช่นเดียวกับเรา” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว ขณะที่เขามีกำหนดประชุมกับบรรดาที่ปรึกษาการค้าระดับสูงในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค.

เจ้าหน้าที่การค้าที่จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวมีทั้งสายเหยี่ยว ซึ่งจะสนับสนุนให้ปธน.ทรัมป์เดินหน้าจัดเก็บภาษีต่อสินค้าจีน โดยอ้างว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผู้บริโภคแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้แก่ นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ส่วนเจ้าหน้าที่สายพิราบ ซึ่งจะแนะนำให้ปธน.ทรัมป์หลีกเลี่ยงการเก็บภาษีต่อสินค้าจีน ได้แก่ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ, นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ รวมทั้งนายแลร์รี คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว

นายนาวาร์โร ระบุว่า การที่จีนเพิ่มการซื้อถั่วเหลืองและเนื้อสุกรจากสหรัฐในระยะนี้ มีสาเหตุเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนภายในประเทศ ขณะที่จีนกำลังประสบกับปัญหาโรคไข้หวัดหมู และการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนจะไม่กระทบตลาดหุ้น และเศรษฐกิจสหรัฐ

“สิ่งที่เขาจะกล่าวก็คือการขึ้นภาษีจะไม่เจ็บปวด มีคนบอกว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จะทำให้ฟ้าถล่มทลาย แต่ตอนนี้เราก็ไม่เห็นฟ้าถล่มทลายแต่อย่างใด” แหล่งข่าวกล่าว

ขณะที่นายเดเรค ซิสเซอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากสถาบันวิสาหกิจสหรัฐ (เออีไอ) ซึ่งให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาว กล่าวว่า เขาเชื่อว่า ผลการประชุมในวันนี้ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ปธน.ทรัมป์จะตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน จากเดิมที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค

อ่านข่าว-สื่อเผย'ทรัมป์'ไฟเขียวข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว