SEAFCO - ซื้อ

SEAFCO - ซื้อ

มาช้ายังดีกว่าไม่มา

Event

อัพเดตข้อมูลบริษัท

lmpact

ผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q62 และฟื้นตัวขึ้นใน 1Q63

ผู้บริหารปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงจาก 3 พันล้านบาทเหลือ 2.9 พันล้านบาท เนื่องจากมีงานของโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่เสร็จไปแล้ว (รถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม และโครงการ The One Bangkok) และมีการย้ายอุปกรณ์ไปยังสถานที่ก่อสร้างโครงการใหม่ ในขณะที่งานของโครงการ Dusit Central Park ก็คืบหน้าไปเพียงบางส่วนเนื่องจากมีการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้แค่ยบางส่วน เราคาดว่าผลประกอบการใน 4Q62 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการไปเสร็จแล้ว ในขณะที่ยังไม่สามารถเดินหน้าโครงการในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64 ลง 5.6-18.3% เนื่องจากความล่าช้าของโครงการภาครัฐ

เราปรับลดประมาณการรายได้ปี 2563-64 ลง 6.4% และ 16.0% เนื่องจากความล่าช้าของโครงการภาครัฐ (ทางด่วนพระราม III – ดาวคะนอง และรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก) ในขณะที่เราปรับลดประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นลงปี 2562-63 ลงจากเดิมที่ 22.7% และ 22.4% เหลือ 21.8% และ 21.3% ตามลำดับเนื่องจากมีสัดส่วนของงานที่เน้นใช้แรงงานน้อยลง

backlog ใหม่ยังคงน่าสนใจ ทั้งในระยะสั้น และระยะกลาง

ในปัจจุบัน SEAFCO มียอด backlog 2.05 พันล้านบาทในเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งจะทำให้มีรายได้แน่นอนแล้วเต็ม 100% สำหรับปี นี้ และ 51% ของประมาณการรายได้ปี 2563 ทั้งนี้ YTD (ณ เดือนธันวาคม 2562) SEAFCO มียอด backlog ใหม่ 2.67 พันล้านบาท (จาก 2.16 พันล้านบาทในปี 2561 และ 3.64 พันล้านบาทในปี 2560) เราคาดว่า SEAFCO จะได้ backlog ใหม่อยู่ในช่วง 3-3.5 พันล้านบาทในปี 2563 จากโครงการ i) ทางด่วนพระราม 3– ดาวคะนอง (มีการลงนามระหว่างผู้รับเหมาหลัก และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยไปแล้ว 4 สัญญา และคาดว่าจะมีการ subcontract งานเสาเข็มและฐานรากใน 1Q63) และ ii) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (backlog อาจจะสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะมีการ subcontract งานเสาเข็มในปลาย 2Q63-3Q63 ซึ่งเราใช้สมมติฐานว่า SEAFCO จะได้ backlog 2 พันล้านบาทจากโครงการนี้ ในขณะที่ backlog ใหม่ในปี 2564 จะมาจากโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก (คาดว่าจะออก TOR ได้ใน 2Q63)

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 7.9 บาท อิงจาก PER เฉลี่ยระยะยาว +0.5SD ที่ 16.0x (จากเดิมใช้ PER+ 1 S.D. ที่ 18.5x) เนื่องจากงานก่อสร้างของโครงการภาครัฐล่าช้ากว่ากำหนด เรามองว่า backlog ใหม่จากโครงการทางด่วนพระราม III – ดาวคะนองจะเป็นปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น ในขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงจะเป็นปัจจัยกระตุ้นระยะกลาง

Risks

ความวุ่นวายทางการเมือง, ความล่าช้าในการก่อสร้างและการลงทุน