'บิ๊กป้อม' ถกบริหารทรัพยากรน้ำ ขับเคลื่อนกฎหมายน้ำระดับนานาชาติ

'บิ๊กป้อม' ถกบริหารทรัพยากรน้ำ ขับเคลื่อนกฎหมายน้ำระดับนานาชาติ

"ประวิตร" เปิดประชุมขับเคลื่อนกฎหมายน้ำระดับนานาชาติ แก้ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือปัญหาคุณภาพน้ำ ยอมรับปัญหายุ่งยาก ซับซ้อน ในอดีตที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 62 ที่ ห้องประชุมเดอะริเวอร์ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมระดับนานาชาติ ในหัวข้อ “นโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบ เพื่อการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” จัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 12-14 ธันวาคม 2562 โดยมีภาคีเครือข่ายด้านน้ำ ประกอบด้วย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ผู้แทนจากองค์กรด้านน้ำจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา ฟิลิปปินส์ เข้าร่วมประชุม

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ ไม่ว่าจะปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือปัญหาคุณภาพน้ำ ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมีความยุ่งยาก ซับซ้อน กว่าในอดีตที่ผ่านมา และด้วยปัญหาที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง และความเห็นต่างในการบริหารทรัพยากรน้ำ รวมถึงการบริหารจัดการที่ไม่มีการบูรณาการและขาดธรรมาภิบาล ส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภาพรวม หลักการสากลยอมรับว่าระบบกฎหมายเป็นกลไกสำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรของประเทศ เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเป็นระเบียบ ความยุติธรรม และป้องกันรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ดังเช่น กรณีของประเทศไทย ที่รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการบูรณาการการบริหารทรัพยากรน้ำ จึงได้ออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศ รวมถึงการจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ขึ้นเป็นหน่วยงานกำกับกลาง บูรณาการการทำงานของหน่วยงานด้านน้ำที่มีมากกว่า 40 หน่วยงานเข้าด้วยกัน

“การประชุมระดับนานาชาติในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา นโยบาย กฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และจะเป็นผลดีกับหน่วยงานของไทยที่จะสามารถนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์เพื่อสิทธิในการเข้าถึงน้ำของประชาชนได้อย่างเท่าเทียมกัน สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) มุ่งสู่การแก้ปัญหาด้านน้ำของประเทศให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ การประชุมนานาชาติในครั้งนี้ มีการอภิปรายใน 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 หัวข้อ นโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบ เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Policies, laws and regulations for sustainable water resources management) ส่วนที่ 2 หัวข้อ การใช้หลักธรรมาภิบาลที่ดีเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำกับการมีส่วนร่วมของภาครัฐ และภาคเอกชน (Good governance on water resources management with PPP Participation) ส่วนที่ 3 หัวข้อ การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติด้านน้ำ (Water-related Disaster Risk Reduction) และส่วนที่ 4 หัวข้อ แนวทางในอนาคต : ทิศทางของหลักนิติธรรมเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Way Forward: Direction on Rules of Law for Community Water Resources Management towards Sustainable Development) โดยในวันที่ 14 ธ.ค.62 คณะผู้เข้าร่วมประชุมยังจะลงพื้นที่ศึกษาดูงานโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโครงการการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนรังสิต อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ด้วย