แกว่งตัว..รอปัจจัยใหม่

แกว่งตัว..รอปัจจัยใหม่

คาด SET Index แกว่งตัว 1,545 - 1,560 จุด ตลาดได้ประเด็นบวกจาก S&P ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยขึ้นเป็น Positive

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index อ่อนตัวลงเล็กน้อย -1.14 จุด (-0.07%) ปิดที่ระดับ 1,551 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นการลงทุนประกอบกับนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประชุม Fed รวมถึงคำแถลงเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงถัดไป นอกจากนี้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ไม่แน่นอนยังคงเป็นแรงกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวลง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อ 1,361 ล้านบาท เป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรต่อเนื่อง 886 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 1,508 สัญญา  

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัว 1,545 - 1,560 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ประเด็นบวกจาก S&P ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยขึ้นเป็น Positive รวมถึง Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% พร้อมส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีหน้าและมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรลสวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรลซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน ประกอบกับความไม่แน่นอนการเจรจาการค้าแฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีนที่เข้าใกล้ Deadline 15 ธ.ค.ที่สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ จะเป็นแรงกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

** วันนี้ (12 ธ.ค.) ติดตามการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ และการประชุม ECB   

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม Domestic Play ADVANC, INTUCH, BTS, BEM
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 เติบโต ได้แก่ GPSC, CPF, ERW, TASCO, EPG , SAWAD, MTC, JMT, BCH, CHG
  • กลุ่มอสังหาฯ SPALI, AP, LPN กระแสโครงการบ้านดีมีดาวน์เป็นบวกมีผู้ลงทะเบียนวันแรกกว่า 4 หมื่นราย

หุ้นแนะนำวันนี้

  • INTUCH (ปิด 57.75 ซื้อ/เป้า 82) ราคาลดลงสะท้อนข่าวการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจมือถือไปแล้ว และที่ระดับราคาปัจจุบันให้ Dividend yield สูงถึง 4-5%ต่อปี ทำให้ Down side ที่ราคาจะลดลงอีกค่อนข้างจำกัด ประกอบกับ INTUCH ยังซื้อขายต่ำกว่าหรือมี Discount) จาก ADVANC ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (ปกติ INTUCH จะมี Discount จาก ADVANC ประมาณ 15-20% ปัจจุบันมี Discount 20-25%)
  • IVL (ปิด 33.75 ซื้อ/เป้า 45) ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น รวมถึงผลประกอบการที่คาดหวังผลบวกจากการซื้อ Hunstman จะช่วยหนุนให้กำไรของ IVL สูงขึ้นตั้งแต่ 1Q20 (ดีล Hunstman จะเพิ่ม EBITDA ให้ IVL ประมาณ 20% ในปีหน้า)

บทวิเคราะห์วันนี้

-

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% ตามคาด และส่งสัญญาณตึงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมไปจนถึงสิ้นปีหน้า: คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันฑ์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม เนื่องจากมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับนี้มีความเหมาะสมต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอยู่แล้ว, ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งดี (อัตราว่างงาน 3.5% ต่ำมาก) อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆฟื้นตัวสู่เป้าหมายที่ 2% นอกจากนี้เฟดยังส่งสัญญาณตึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมไปจนถึงสิ้นปีหน้าเห็นได้จาก Fed dot plot (การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการแต่ละคน) พบว่ามีคณะกรรมการ 13 รายมองว่าเฟดไม่ควรเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าและมีเพียง 4 รายต้องการให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งอีก 0.25% ในปีหน้า
  • (+) S&P ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของไทยเป็น Positive เดิม Stable แต่คงอันดับเรทติ้งที่ระดับ BBB+: วานนี้ S&P Global Ratings ปรับทบทวนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศไทยขึ้นเป็น Positive จากเดิม Stable อย่างไรก็ตาม S&P ยังคงอันดับเรทติ้งของไทยไว้ที่ระดับ BBB+ ตามเดิม สาเหตุที่ S&P ปรับขึ้นแนวโน้มความน่าเชื่อถือของไทย ส่วนหนึ่งมาจากภาคการเมืองที่มีเสถียรภาพ (รัฐบาลมาจากระบบประชาธิปไตยหรือมาจากการเลือกตั้ง) ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจแม้จะได้ผลกระทบจากภายนอกอาทิ สงครามการค้า แต่ไทยยังมีสิ่งชดเชยจากนโยบายด้านการคลังที่เข้มแข็ง การปรับมุมมองของ S&P นับเป็น Sentiment บวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อาทิหุ้นในกลุ่ม Big cap โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่มีหนี้จากต่างประเทศจำนวนมาก อาทิ กลุ่ม ปตท. CPF และ MINT
  • (+) เลือกตั้งอังกฤษวันนี้ คงมุมมองเดิม คาดพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน จะชนะการเลือกตั้งและนำอังกฤษ Brexit แบบมีดีล: ล่าสุด YouGov รายงานผลสำรวจแนวโน้มผลการเลือกตั้งทั่วประเทศของอังกฤษ พบว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งและได้ครองเสียงข้างมากในสภาที่ 339 เสียง จากจำนวน ส.ส. หรือ ที่นั่งทั้งหมด 650 เสียง (เสียงข้างมากจะต้องเกิน 326 เสียง) ขณะที่พรรคแรงงานของนาย เจเรมี คอร์บิน ซึ่งเป็นคู่แข่งคาดว่าจะได้คะแนนเสียงเพียง 231 คะแนน หากเป็นไปตามโพลสำรวจของ YouGov การทำ Brexit ของอังกฤษน่าจะเสร็จทันเส้นตายของยูโรโซนในวันที่ 31 ม.ค.2020 แน่นอน และตลาดน่าจะตอบรับในทางบวกเนื่องจาก Brexit ของ บอริส จอห์นสัน ถูกคาดหมายว่าจะเป็นการทำ Brexit แบบประนีประนอม หรือ เป็นแบบมีดีล