มติ กกต.ยกปม ‘นิติกรรมอำพราง’ ยุบอนค.

มติ กกต.ยกปม ‘นิติกรรมอำพราง’ ยุบอนค.

มติ กกต.ส่งศาลรธน. ยุบพรรคอนาคตใหม่คดีกู้เงิน“ธนาธร” ชี้ผิดมาตรา 72 พ.ร.ป.พรรค เข้าข่ายนิติกรรมอำพราง ด้าน “ปิยบุตร” ยกมาตรา 62 โต้เงินบริจาคไม่ใช่รายได้ นายกฯ ปัดสั่งยุบพรรค แย้มปรับ ครม.หลังผ่านงบฯ 63 ขณะที่สภาฯ ถกตั้ง กมธ.แก้รธน. ชำแหละ ผลพวง คสช.

ความคืบหน้าการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ให้พรรคกู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท

วานนี้ ( 11 พ.ย.) สำนักงาน กกต. ได้ออกเอกสารข่าวหลังการประชุมกกต.ว่า กกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคการเมืองอนาคตใหม่ โดยที่ประชุม ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานพร้อมทั้งความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากนายธนาธรแล้ว เห็นว่าการที่ อนค.กู้ยืมเงินจากนายธนาธร เป็นเงิน 191,200,000 บาท เป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 72 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 

จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3)ประกอบมาตรา 93 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

แหล่งข่าวจาก กกต. และนักกฎหมายระบุว่า ก่อนจะกล่าวโทษตามมาตรา 72 กกต.ต้องวินิจฉัยว่าผิดตามมาตรา 62 กับ 66 ก่อน ซึ่งก็คือ กกต.สรุปว่า การกู้เงินไม่สามารถกระทำได้ จึงตีความว่าเป็นการบริจาคเงินเกินกว่ากฎหมายกำหนด แล้วทำนิติกรรมอำพราง เป็นการกู้ ทั้งๆ ที่จริงๆ ต้องการบริจาค แต่กฎหมายกำหนดเพดานเอาไว้ จึงใช้วิธีทำสัญญากู้ยืมแทน จึงถือเป็นนิติกรรมอำพราง

ปิยบุตรโต้ไม่เข้าข่ายผิดม.72

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนค.ชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนอธิบายทางกฎหมายได้หมดว่า ตั้งแต่ต้นพรรคเป็นพรรคที่เพิ่งเริ่มก่อสร้าง จึงมีเรื่องต้องให้ทุนจำนวนมาก แต่ปัญหาคือขณะนั้นทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ยอมยกเลิกประกาศให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ จึงทำให้พรรครับบริจาคและระดมทุนไม่ได้ เมื่อกฎหมายไม่ได้ห้ามให้กู้เงิน และพรรคการเมืองก็เป็นนิติบุคคลเอกชนดังนั้นนายธนาธร จึงตัดสินใจให้พรรคกู้เงิน

ขณะที่มาตรา 62 ว่าด้วยที่มารายได้พรรคการเมือง ก็ไม่มีเรื่องเงินกู้ ตนยืนยันว่า เงินกู้ไม่ใช่รายได้ แต่อยู่ในสัดส่วนของหนี้สิน ซึ่งเรามีหลักฐานการทยอยเงินกู้คืนนายธนาธรไปแล้วหลายครั้ง มีเช็คโอนไปแล้วชัดเจน การที่โยงว่า พรรครับเงินผิดกฎหมายนั้นตามมาตรา 72 ออกแบบมาสำหรับพรรคการเมืองที่รับเงินผิดกฎหมาย เช่น ซ่องโจร ฟอกเงิน ค้ายาเสพติด มาใช้จ่ายในพรรค แต่หากบอกว่าในอนาคตจะไม่ให้มีการกู้ ก็ต้องไปแก้กฎหมายพรรคการเมือง

นายปิยบุตร ยังแถลงภายหลัง กกต.มีมติอีกครั้งว่า พรรคยืนยันเดินหน้าทำงานในสภาฯ อย่างสร้างสรรค์และต่อเนื่อง ส่วนที่เรียกร้องให้สังคมร่วมวิจารณ์การทำงานของ กกต.นั้น ตนไม่สามารถตัดสินใจแทนประชาชนว่าจะออกมาสู่ถนนหรือไม่ แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่เหมือนหนังม้วนเดิม แต่ตนยืนยันว่าจะไม่จบลงแบบเดิม 

นายกฯปัดใบสั่งยุบอนค.

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตอบข้อถามถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องของศาล ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจของศาลได้ ส่วนที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษก อนค.โชว์หลักฐาน พร้อมระบุว่ามีใบสั่งเพื่อให้ยุบพรรค อนค.นั้น นายกฯย้อนถามว่า “ใครสั่ง ถ้าไม่ได้ระบุ ก็ต้องไปหาคนมาว่าใครพูด เป็นผมหรืออย่างไร ไอ้ที่พูดกันออกมาหมายถึงผมเช่นนั้นหรือ ยืนยันว่าผมไม่ได้ไปก้าวล่วงใครอยู่แล้ว”

แย้มปรับครม.หลังผ่านงบ

นายกฯยังตอบข้อถามถึงกระแสข่าวปรับ ครม.ด้วยว่า เรื่องการเมืองพอได้แล้ว ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ส่วนใครจะไป ใครจะมา ก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องหารือกัน และสุดท้ายตนจะเป็นผู้ตัดสินใจเพราะตนเป็นผู้นำรัฐบาล

“ยืนยันว่า กระแสปรับครม.ไม่มีจริงๆ วันนี้เพิ่งเข้ามาทำงาน 3-4 เดือนเอง แผนงานและโครงการต่างๆ วันนี้ก็ใช้เงินไปอย่างประหยัดที่สุด เท่าที่มีเงินอยู่ และยังไม่มีปัญหาอะไร แต่คงต้องรอดูหลังจากที่เรามีพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เรียบร้อยแล้ว และถ้าการพิจารณาผ่านวาระ 2 และ 3 เรียบร้อยและเงินสามารถใช้ได้ ก็ต้องไปดูว่าโครงการต่างๆ มีประสิทธิภาพหรือไม่ แล้วถึงจะไปถึงหลักการในการปรับครม.”

ทั้งนี้ในการปรับครม.ต้องไปดูถึงสัดส่วนว่า ใครจะไปอยู่พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีขั้นตอนอีกมากมาย แต่ยืนยันว่า วันนี้ยังไม่มีความคิดในเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าใครจะมาช่วยก็ยินดี

ก่อนหน้านั้นนายกฯ กล่าวช่วงหนึ่งก่อนการประชุม ครม. ถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณว่า เมื่อวานนอนไปแค่ 3 ชั่วโมง เพราะนอนไม่หลับ เครียดหลายเรื่อง ขณะนี้มีปัญหามากพอสมควรโดยเฉพาะในการใช้จ่ายงบประมาณทุกโครงการดีหมด แต่อยู่ที่วิธีการจะทำอย่างไรให้การใช้จ่ายงบประมาณนั้นพอเพียง คุ้มค่า และต้องเรียงลำดับความสำคัญและความจำเป็น ทั้งนี้จะอาศัยบารมีเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกพรรคการเมือง

สนธิรัตน์รับคุยเศรษฐกิจใหม่

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเศรษฐกิจใหม่จะเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ต้องขอขอบคุณพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ช่วยให้การประชุมสภาฯ ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งเชื่อว่า เป็นการแสดงความตั้งใจที่จะช่วยกันทำให้การดำเนินงานของสภานั้นเดินไปได้ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่านั้น ทางพรรคเศรษฐกิจใหม่เองก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ยังเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านอยู่ แต่ได้ทำงานโดยหลักการเท่านั้น

ทั้งนี้ยอมรับเรื่องนี้มีการพูดคุยมาโดยต่อเนื่องส่วนที่มีการเชื่อมโยงมาถึงการปรับครม.หากพรรคเศรษฐกิจใหม่จะมาช่วยรัฐบาล กรณีนี้เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งนายกฯจะต้องเป็นผู้พิจารณา

เช่นเดียวกับนายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ในฐานะเลขาธิการพรรคกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามที่นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้ชี้แจง ซึ่งเป็นเรื่องการทำงานมีความเห็นต่างกันได้ การทำงานของฝ่ายค้านก็เช่นกันยืนยันว่ายังอยู่ฝ่ายค้านเช่นเดิม

ชำแหละรธน.ผลพวงคสช.

ขณะที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติด่วนการขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี2560 ตามที่ส.ส.มีการเสนอจำนวน 6ญัตติ

โดยนายปิยบุตร อภิปรายเป็นคนแรกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง จริงใจ ไม่ใช่ซื้อเวลา หรือสกัดขัดขวางไม่ให้แก้ไข ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี60กำหนดวิธีการแก้ไขไว้ยากมากที่สุด นอกจากต้องใช้เสียงส.ว.1ใน3 รวมถึงต้องไปออกเสียงประชามติ ล็อกประตูไว้หลายชั้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาชอบธรรมทางประชาธิปไตย มีที่มาจากผลพวงรัฐประหารของคสช.

รัฐธรรมนูญฉบับนี้โฆษณาชวนเชื่อว่าปราบโกง ปฏิรูปประเทศ แต่กลับนำการเมืองไทยถอยหลังกลับไปปี2521ขณะนี้รัฐบาลเป็นเสียงปริ่มน้ำ บริหารประเทศลำบาก เกิดผลประโยชน์เสนอซื้องูเห่า แจกกล้วยเลี้ยงลิง ส่วนที่บอกการแก้รธน.จะทำให้วุ่นวาย คิดว่า ยิ่งไม่แก้ยิ่งวุ่นวาย จึงขอเชิญชวนให้สภาฯปลดล็อกแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้มีส.ส.ร.ที่มาจากประชาชน พร้อมฝากให้สภาฯลงมติเห็นชอบตั้งกมธ.เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างฉันทามติใหม่ร่วมกัน

ขณะที่นายเทพไท อภิปรายว่า สิ่งที่เลวร้ายในระบอบเลือกตั้ง คือ การซื้อเสียงซึ่งกกต.​ไม่สามารถทำได้จริงดังนั้นรัฐธรรมนูญปราบโกงไม่ได้จริง ส่วนส.ว.​จำนวน 250 คน ที่มาโดยการสรรหาโดยคณะกรรมการขุนพลลึกลับจำนวน 10 คน ที่มาจากคนในแวดวงคสช.​ และคนสรรหาได้มาเป็นส.ว. รวมถึงบางคนมีตำแหน่งทางการเมือง ไม่ยึดโยงประชาธิปไตย คงมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ผู้ใต้บังคับบัญชา คือ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ 6 คน ได้เป็นส.ว. เพื่อควบคุมผู้บังคับบัญชาหรือนายกฯ ถือว่าผิดฝาผิดฝั่ง

ยกคำร้องสอบคุณสมบัติธนิก

วันเดียวกัน กกต.เปิดเผยผลการพิจารณาคำร้องคัดค้านประกาศรายชื่อผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 ของนายธนิก มาสีพิทักษ์ หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรา 43 ของพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ได้รับการเสนอชื่อเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยเห็นว่านายธนิก ได้แสดงเจตนายกเลิกการเสนอรายชื่อตนเอง เป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อแล้ว จึงไม่เป็นการ กระทําอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 43 จึงมีมติให้ยกคําร้องตามที่สํานักงาน กกต.เสนอ