พาณิชย์ใช้ AI  ช่วยร่นเวลาจองชื่อนิติบุคคล

พาณิชย์ใช้ AI  ช่วยร่นเวลาจองชื่อนิติบุคคล

“วีรศักดิ์” เผยกรมพัฒนาธุรกิจการค้านำเทคโนโลยีปัญหาประดิษฐ์ช่วยจองชื่อ ร่นเวลาเหลือแค่ 2 นาที  พร้อมเปิดให้บริการจดทะเบียนธุรกิจทรีอินวันต้นปี 63 ยื่นครั้งเดียวได้ทั้งจดตั้งบริษัท

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า ได้รับรายงานความคืบหน้าการพัฒนาระบบให้บริการจดทะเบียนธุรกิจที่รวดเร็ว ง่าย  และมีขั้นตอนสั้นลง โดยนำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยนายทะเบียนพิจารณาการจองชื่อนิติบุคคล ซึ่งจะลดเวลาเหลือเพียง 2 นาที จากเดิม 20 นาที ถึงจะทราบผล ก็จะยิ่งทำให้การจดทะเบียนธุรกิจใหม่ทำได้เร็วขึ้นไปอีก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการและศึกษาแนวทางการพัฒนา คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในปี 2563

นอกจากนี้ในการจดทะเบียนธุรกิจจะมีการรวม 3 ขั้นตอน ได้แก่ การจดทะเบียนธุรกิจ การขึ้นทะเบียนนายจ้างลูกจ้าง และการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ในขั้นตอนเดียว ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจสามารถจดได้ทั้งหมดตั้งแต่การยื่นจดทะเบียนที่หน่วยให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยกำหนดจะให้บริการตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เดิมการเริ่มธุรกิจจะมี 5 ขั้นตอน ใช้เวลา 4 วันครึ่ง ได้แก่ 1.การจองชื่อบริษัท 0.5 วัน 2.การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร 1 วัน 3.การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 1 วัน 4.การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 1 วัน และ 5.การขึ้นทะเบียนนายจ้าง-ลูกจ้าง 1 วัน แต่หากรวม ขั้นตอน 3 4 และ 5 เข้าด้วยกัน ก็จะเหลือเพียงแค่ 1 วัน ทำให้ช่วยร่นระยะเวลาในการเริ่มต้นธุรกิจภาพรวมเหลือเพียง 2.5 วัน 157605880624

นายวีรศักดิ์  กล่าวว่า ความคืบหน้าการส่งเสริมร้านค้าปลีกรายย่อย (โชวห่วย) ให้เป็นสมาร์ทโชวห่วย ขณะนี้มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนาและปรับปรุงร้านค้า รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการค้านค้าแล้ว 5,000 ราย หลังจากเปิดตัวโครงการในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากที่ตั้งเป้าหมาย 30,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนที่เหลือจะเร่งเข้าไปช่วยพัฒนาต่อไป รวมทั้งจะเร่งผลักดันและสร้างโอกาสการทำการค้าออนไลน์ให้กับคนรุ่นใหม่ และนักศึกษา ผ่านโครงการ Young Digital Warrior เพื่อผลักดันให้เข้ามาทำการค้าออนไลน์ โดยที่ผ่านมาได้อบรมคนรุ่นใหม่ไปแล้ว 1,500 รายทั่วประเทศ และยังจะเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ โดยอยู่ระหว่างการผลักดันความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยและจีน ในการทำบันทึกความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำสินค้าไทยเข้าไปขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน

สำหรับบริการข้อมูลธุรกิจ ขอให้มีการต่อยอดโปรแกรมบริการข้อมูลธุรกิจ DBD Datawarehouse ให้สามารถวิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้ละเอียดถึงระดับรายพื้นที่ กลุ่ม และขนาดของธุรกิจ เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจทำธุรกิจได้แม่นยำมากขึ้น