อ่อนตัว

อ่อนตัว

Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Negative และคาดดัชนีฯ อ่อนตัว แนวต้าน 1555 / 1560 จุด แนวรับ 1550 / 1540 จุด เป็นผลจาก 1) ตลาดรอความชัดเจนจากปธน.ทรัมป์ ว่าจะเลื่อนเก็บภาษีสินค้านาเข้าจีนหรือไม่ โดยมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีน อยู่ระหว่างวางแผน เพื่อเลื่อนจากกาหนดเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. แต่อาจมีอุปสรรคหลังรัฐบาลจีนประกาศงดใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่างชาติภายใน 3 ปี 2) ผลประชุมเฟดคืนนี้คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม รวมถึงส่งสัญญาณชะลอดอกเบี้ยต่อไป 3) นักลงทุนต่างชาติยังคงเพิ่ม Short SET50 Index Futures วันจันทร์อีก 3,290 สัญญา เป็น Short สะสมกว่า 7. 9 หมื่นสัญญา ในรอบ 6 วันทาการ ประเด็นสำคัญวันนี้: USA-ผลประชุมเฟดคาดคงดอกเบี้ย Saudi-Aramco-เข้าซื้อขายวันแรก OPEC-รายงานประจาเดือน กกต.-ตัดสินกรณีนายธนาธรให้เงินกู้พรรคอนาคตใหม่ SSO-ประชุมเรื่องการเพิ่มค่ารักษาต่อหัว

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยล่าสุด

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวแย่กว่าภูมิภาค โดยปรับลดลงไปต่าสุดที่ 1548.01 จุด -10.98 จุด ก่อน รีบาวด์ท้ายตลาดมาปิดที่ระดับ 1552.96 จุด -6.03 จุด วอลุ่ม 4.07 หมื่นล้านบาท กลุ่มอุตฯ นาลง ได้แก่ รับเหมาฯ -2.42% ขนส่ง -2.17% ไฟแนนซ์ -2.13%

ประเด็นสาคัญ

- ตลำดหุ้นโลกอ่อนตัว: การรอความชัดเจนของการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐฯ และรายงานผลประชุมเฟด ส่งผลตลาดหุ้นโลกอ่อนตัวเล็กน้อย โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJ -0.10% S&P500 -0.11% Nasdaq -0.07% ตลาดหุ้นยุโรป DAX -0.27% FTSE -0.28%

+ รำคำน้ำมันดิบโลกและทองคำปิดบวก: WTI +USD0.22 ปิด USD59.24/บาร์เรล Brent +USD0.09 ปิด USD64.34/บาร์เรล ลุ้นรายงานสต๊อกน้ามันดิบสหรัฐฯ สัปดาห์กี่ผ่านมา จะปรับลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองอีก 2.8 ล้านบาร์เรล ส่วนราคาทองฟื้นตัว +USD3.20 ปิด 1,468.10/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

+/- UK: โพลล์สารวจการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 12 ธ.ค. พบว่าพรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนโหวตสูงสุด 42% รองมา คือ พรรคแรงงาน 33% ทั้งนี้ หากมีพรรคใดได้เสียงเกิน กึ่งหนึ่ง ถือเป็นสัญญาณบวกต่อการคลี่คลายปัญหา Brexit ที่มีกาหนดเส้นตายในวันที่ 31 ม.ค. (ดูรำยงำน)

- จีน: CPI เดือน พ.ย. พุ่ง 4.5% YoY เพราะราคาเนื้อหมูพุ่ง 110% YoY ส่วนหมวดมิใช่อาหารต่าสุดรอบ 3 ปี แต่ PPI เดือน พ.ย. ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าหน้าโรงงาน -1.4% YoY (Vs เดือน ต.ค. -1.6% YoY ) -0.1% MoM (Vs เดือน ต.ค. +0.1% MoM )

+ Trade war: รมว.เกษตรสหรัฐฯ ซอนนี่ เพอร์ดู เผยว่าสหรัฐฯ ไม่มีแนวโน้มที่จะเก็บภาษีนาเข้าสินค้าจีนเพิ่ม 15% วงเงิน USD1.6แสนล้าน ตามเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค. นี้

- สหรัฐฯ: สภาผู้แทนราษฎรเผยญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ 2 ข้อหา ได้แก่ การใช้อานาจทางมิชอบและการขัดขวางการทาหน้าที่ของรัฐสภาสหรัฐฯ โดยคณะกรรมการตุลาการฯ จะลงมติวันพฤหัสฯ นี้ ก่อนที่จะให้สภาผู้แทนฯ ลงมติสัปดาห์หน้า

- HK: ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษ แครี่ ลัม เผยจะเดินทางไปปักกิ่งในวันเสาร์นี้ เพื่อรายงานสรุปวิกฤติการเมืองและคาดว่าจะมีการปรับครม.ฮ่องกง เพื่อคลี่คลายวิกฤติการเมือง

+/- FOMC Meeting: ผลสารวจ 73 โบรกเกอร์คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.75% อิงการประชุมเฟดที่ผ่านมา กรรมการส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ลดลง

- จีน: รัฐบาลจีนสั่งงดใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่างชาติ โดยให้เวลา 3 ปี (ทยอยยกเลิก 30%, 50% และ 20%) คาดส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐฯ MICROSOFT HP DELL และอาจเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

+/- FTSE Index: ประกาศหุ้นเพิ่ม/ถอดคานวณ หมวด Large Cap เพิ่ม GPSC โดยย้ายมาจาก Mid-Cap (ถอด BH) หมวด Mid- Cap เพิ่ม AWC BH CPNREIT SF (ถอด AAV ITD PLAT U UNIQ) มีผลวันที่ 23 ธ.ค.

กลยุทธ์: Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนารายสัปดาห์: KKP TCAP GPSC

หุ้นโมเมนตัมบวก: BH AWC SVI FN MC VL / กลุ่มโรงพยาบาล CHG BCH

หุ้นโมเมนตัมลบ: KTC STEC SMT SCI JMART STPI AIE /กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กฯ HANA

Derivatives: แนะนา wait & see (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)