ประชุมปชป.'หย่าศึกภายใน' 'จุรินทร์' ปัดขัดแย้ง 'พีระพันธุ์'

ประชุมปชป.'หย่าศึกภายใน'  'จุรินทร์' ปัดขัดแย้ง 'พีระพันธุ์'

ประชุมปชป.หย่าศึกรอยร้าวพรรค คาดโทษ4ส.ส.ห้ามโหวตสวนซ้ำอีก “จุรินทร์” ปัดขัดแย้ง“พีระพันธุ์” ยันพร้อมตัดสินใจหากปรับครม. ด้าน “เฉลิมชัย” โต้ข่าวลือวางมือการเมือง แกนนำ-ส.ส.ร่วมรับประทานอาหารกลบกระแสขัดแย้ง ขณะที่ “เพื่อไทย” ติวเข้มส.ส.อภิปรายญัตติแก้รธน.วันนี้ ขู่จองกฐินซักฟอกคดี“ปารีณา”

ความเคลื่อนไหวพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)หลังเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคจากกรณีมีส.ส.ลงมติสวนมติพรรค ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่านายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งข้อความในไลน์กลุ่มว่า พรรคจะต้องมีมาตรการลงโทษทางวินัยต่อส.ส.ที่ไม่ทำตามมติพรรคจนมีการตอบโต้กันไปมา  นอกจากนี้นยังมีกรณีการลาออกของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

ล่าสุดยังมีกระแสข่าวออกมาอีกระลอกว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) อาจตัดสินใจวางมือทางการเมือง เนื่องมาจากปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงปัญหาภายในพรรค และการทำงานของ4 รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรที่มาจาก 4 พรรคการเมือง จนมีการคาดการณ์ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต้นปีหน้าหรืออย่างช้าหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะครม.เศรษฐกิจ

วานนี้(10ธ.ค.)นายเฉลิมชัย ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว โดยยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดยังคงตั้งใจทำงานในตำแหน่งรมว.เกษตรฯเพื่อแก้ไขปัญหาและส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น สำหรับที่มีการระบุว่าการยกเลิกสารเคมีทางการเกษตร3ชนิดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครียดนั้น ตนตั้งใจที่จะช่วยเหลือเกษตรกรไม่ให้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นและให้ประชาชนทั้งประเทศได้บริโภคผลผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัยไม่เคยท้อ

ขณะนี้เตรียมประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการสารเคมีแห่งชาติที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นโดยมีนายอนุทินชาญ วีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน โดยพร้อมจะดำเนินการตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน

“จุรินทร์”ปัดรอยร้าวปชป.

นายจุรินทร์​ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ฐานะหัวหน้าพรรคปชป.ให้สัมภาษร์ในช่วงเช้าก่อนการประชุมพรรคถึงการลาออกของนายพีระพันธ์ุ ว่า ตนได้คุยกับนายพีระพันธ์ุ ผ่านทางโทรศัพท์ช่วงเวลาสั้นๆ โดยนายพีระพันธ์ุระบุว่าการลาออกดังกล่าวด้วยเหตุผลส่วนตัว และแจ้งว่าการทำงานร่วมกับตนฐานะหัวหน้าพรรคไม่มีปัญหาใดๆ และยังให้ความเคารพ ทั้งนี้ตนได้กล่าวอวยพรให้โชคดี ทั้งนี้ยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมาเข้าใจกันดีไม่มีปัญหา 

ตนยืนยันว่าพรรคมีคนออกและคนเข้าเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เฉพาะกรณีของนายพีระพันธ์เท่านั้นส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายพีระพันธ์ุลาออกจากพรรคเพื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีขอให้สอบถามข้อเท็จจริงจากนายพีระพันธ์ุ 

พร้อมตัดสินใจปมปรับครม.

ขณะที่การการปรับครม. ในสัดส่วนของพรรค ไม่มีปัญหา ตนพร้อมตัดสินใจต่อทิศทางที่เกิดขึ้น ทั้งนี้การตัดสินใจปรับครม. นั้นขึ้นอยู่กับนายกฯ และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไรก็ดีไม่ขอตอบว่าเมื่อปรับครม. แล้วจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลเป็นอย่างไร เพราะเป็นประเด็นที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ส่วนที่หลายฝ่ายประเมินถึงเหตุผลว่าการปรับครม.รอบนี้มาจากสาเหตุที่ส.ส.ของพรรคลงมติสวนทางกับมติของวิปรัฐบาลนั้น ตนไม่ทราบ

นายจุรินทร์​ ยังกล่าวยืนยันต่อการสนับสนุนสภาฯ ให้ตั้งกมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่เคยระบุไว้และเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการเข้าร่วมรัฐบาลโดยในส่วนของพรรรคชัดแล้วว่าจะแก้ไขหมวดว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นกาารสะเดาะกุญแตจ หากไม่แก้ไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำไม่ได้

ปชป.ติวเข้มส.ส.สกัดโหวตสวน

วันเดียวกันพรรคได้เรียกประชุมส.ส.เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (11 ธ.ค.) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนครั้งที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ที่ประชุมจะหารือและพูดถึงแนวทางการทำงานร่วมกันของพรรคกับรัฐบาลในทุกมิติ รวมถึงปัญหาของ ส.ส.ทั้ง 4 คนที่มีการโหวตสวนมติของพรรค

โดยนายจุรินทร์ ได้สั่งให้ทำบันทึกโดยให้มอบให้นายเฉลิมชัย พิจารณาดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นนายเฉลิมชัยได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับทั้ง4คนแล้ว โดยหลังจากนี้จะต้องทำตามมติของพรรค

“บัญญัติ”คุมทีมอภิปรายแก้รธน.

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมสส. พรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงการเตรียมการกำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปรายในญัตติตั้งกมธ.พิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยมีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อนำทีมอภิปรายร่วมกับ สส. อีกหลายคน โดยพรรคฯ สนับสนุนกมธ.ชุดดังกล่าว ซึ่งมีความชัดเจนตั้งแต่ตอนร่วมรัฐบาล ส่วนรายละเอียดอื่นขณะนี้พรรคได้เตรียมรายละเอียดไว้ครบถ้วนแล้ว ส่วนตำแหน่งประธาน กมธ.วิสามัญชุดดังกล่าว เป็นเรื่องของที่ประชุมนัดแรกของคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวที่จะต้องไปเลือกกันตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมพรรคปชป. นายจุรินทร์ พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ได้ร่วมรับประทานอาหารกับกรรมการบริหารพรรค ส.ส.รวมถึงอดีตแกนนำพรรคอาทินายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่ร้านอาหารทีเฮาส์ พระราม6 พร้อมพูดคุยถึงแนวทางในการทำงานของพรรค และการร่วมรัฐบาลและในสภาฯเพื่อไห้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งถือเป้ฯการกลบกระแสข่าวรอยร้าวภายในพรรค รวมถึงกระแสข่าวการลาออกของนายเฉลิมชัยที่ออกมาก่อนหน้านี้ 

“วิษณุ”ชี้ยุบสภาเป็นเรื่องนายกฯ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาระบุถึงงการยุบสภาว่า นายกฯ ไม่เคยพูดกับตน แต่หากมีการยุบสภาจะต้องมีการทูลเกล้าฯก่อนส่วนที่มีข่าวว่านายกฯ พูดเรื่องยุบสภานั้น อาจไม่ใช่เจตนา อาจเป็นการเปรย หรือปรารภ ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินฉะนั้น เรื่องการยุบสภา ไม่ใช่เรื่องครม. ไม่ต้องมีมติ ครม. แต่เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะกราบบังคมทูลฯ และลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

ส่วนการแต่งตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติตั้งกมธ.เสร็จเรียบร้อยแล้วสามารถดำเนินการได้เลย

“สุวัจน์”หนุนปรับครม.แก้ปริ่มน้ำ

เช่นเดียวกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่าประเด็นการปรับครม.ต้องคำนึงถึงการขับเคลื่อนนโยบายให้ประสบความสำเร็จและเสถียรภาพของรัฐบาล ทั้งนี้ยอมรับว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมามีความลำบาก จากการแบ่งค่ายที่ชัดเจน และการจัดตั้งรัฐบาลนั้นมีสภาพเสียงที่ก้ำกึ่ง หรือเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งมีผลกระทบกับรัฐบาลในหลายด้าน ทั้งนี้การปรับครม. หรือไม่เป็นดุลยพินิจของนายกฯ ส่วนพรรคไม่มีข้อเสนอใด

อย่างไรก็ดีมองว่ารัฐบาลมีทางเลือกคือถ้าปัจจุบันมีเสียง 253-254 เสียง ต้องทำความเข้าใจกันเพื่อให้เกิดเอกภาพหากควบคุมได้ เชื่อจะไม่มีปัญหา และหากเกิดกรณีที่เสียโหวตไม่ครบ มีความจำเป็นที่หาเสียงมาเพิ่มจะด้วยวิธีการอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ การปรับครม.เป็นแนวทางหนึ่งที่จะเพิ่มเสียงให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและเพิ่มความเชื่อมั่นในการทำงาน

พท.ติวเข้มส.ส.อภิปรายแก้รธน.

ขณะที่ความเคลื่อนไหวฝ่ายค้าน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.)มีการเรียกประชุมวิปพรรคโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า ในการประชุมสภาในวันที่ 11 ธ.ค.ซึ่งจะมีการพิจารณาญัตติการศึกษาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าที่ประชุมสภาน่าจะตั้ง กมธ.ดังกล่าวได้สำเร็จ ซึ่งในที่ประชุมสภาคงมีการอภิปรายเรื่องดังกล่าวกันหลายคน

ด้านน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในส่วนของญัตติด่วนการศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านให้ความสำคัญ

ทั้งนี้จะมีการพูดคุยกับทั้งประธานสภาฯ และฝ่ายรัฐบาล เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาที่ใช้ในการอภิปราย ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้พูดคุยถึงข้อผิดพลาดและบกพร่อง หลังมีการบังคับใช้เป็นต้นมา ในเบื้องต้นได้มีการหารือเฉพาะภายในพรรคฯ ส่วนข้อยุติต้องหารือร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเสียก่อน

ปัดตั้ง“เฉลิม”คุมทีมซักฟอก

ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพรรคดูแลภารกิจติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะการเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น เป็นการรายงานที่ไม่มีแหล่งข่าว ซึ่งตนได้สอบถามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าก็บอกว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว รวมถึงผู้ใหญ่หลายคนภายในพรรคก็บอกว่ายังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งนี้ไม่ทราบว่าผู้ปล่อยข่าวมีเจตนาเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างบุคคลสำคัญในพรรคเพื่อให้เกิดประเด็นขึ้นมาหรือไม่

ขณะนี้เรายังไม่ได้เดินไปถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งผู้ที่ได้รับมอบหมายเรื่องดังกล่าวของพรรคประธานวิปฝ่ายค้านให้ทำหน้าที่ประสานกับวิป 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านและดำเนินการกำหนดกรอบแนวทางสำหรับเนื้อหาที่จะนำไปสู่การอภิปราย

จองกฐินซักฟอกคดี“ปารีณา”

ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า ตนติดตามกรณีที่น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประารัฐ อาศัยพื้นที่ป่าสงวนทำประโยชน์ ซึ่งตอนนี้ยังถือเป็นความผิดของตัวบุคคลของ ส.ส. อยู่ แต่ถ้าผ่านไปสักระยะจะลามกลายเป็นความผิดของรัฐบาล เมื่อถึงตอนนั้นจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านในการลงแส้ และแน่นอนว่ารวมถึงผู้เกี่ยวข้องอื่นๆด้วย ซึ่งในขณะนี้ตนและพรรคฯกำลังศึกษาข้อกฏหมายเพิ่มเติมเพราะคดีนี้ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของสังคมและมาตรฐานในอนาคต

กกต.โต้5ปมไต่สวนเงินกู้อนค.

สำหรับท่าทีจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ออกเอกสารชีี้แจงกรณีน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาระบุว่ากกต.พิจารณาการกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่เป็นไปโดยมีธงทางการเมืองหรือมีใบสั่งทางการเมือง โดยยืนยันใน5ประเด็น 1.การเสนอความเห็นในสำนวนเป็นไปตามขั้นตอน ของระเบียบมิใช่การชี้นำในสำนวนการสืบสวนแต่อย่างใด

2.เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562 เลขาธิการกกต.ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า กรณีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง เพื่อพิจารณาและมีความเห็นเสนอต่อคณะกรรมการกกต.ตามระเบียบต่อไป 3.ในการตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 11 ต.ค.และวันที่ 23 ต.ค.2562 ประธานกกต.ได้ระบุว่าว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบและมิได้ มีการเร่งรัดแต่อย่างใด

4 ภายหลังจากที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ได้พิจารณาและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการกกต.แล้ว กกต.ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 พ.ย.12562 ให้มีหมายเรียกขอเอกสารจากพรรคอนาคตใหม่ แต่พรรคได้จัดส่งเอกสารที่ขอให้บางส่วน และขอขยายเวลาการจัดส่งเอกสารที่ยังไม่ได้จัดส่งออกไปอีก 120 วัน และ5 กกต.ได้มีมติเมื่อวันอังคารที่26 พ.ย.2562 ให้หมายเรียก อเอกสารที่พรรคอนาคตใหม่ยังไม่ได้จัดส่งอีกครั้ง โดยให้จัดส่งภายในวันที่ 2 ธ.ค.62 หากไม่จัดส่ง ถือว่าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ติดใจที่จะส่งเอกสารตามที่กกต.ร้องขอ  ดังนั้น การดำเนินการของกกต.เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอนไม่ได้มีเหตุจูงใจทางการเมืองแต่อย่างใด