ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

วันนี้ (10 ธ.ค.62) เวลา 08.54 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ประจำปี 2562


สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ประจำปี 2562 โดยมีคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท  ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางปภัชญา สิริวัฒนภักดี นายดาว วาสิกศิริ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายนิติกร กรัยวิเชียร เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมการถ่ายภาพ และรศ.ดร. บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย ประธานกรรมการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เฝ้า ฯ รับเสด็จ

จากนั้น เสด็จฯ ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 ทรงบรรยายภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ประจำปี 2562 นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ซึ่งในปีนี้ได้จัดภายใต้ชื่อนิทรรศการ มหัศจรรย์พรรณภาพ Photos Wonderland โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

มหัศจรรย์พรรณ หมายถึงภาพต่างๆ ที่น่าพิศวง ความเป็นมาของชื่อคือ สองเดือนหลังของพ.ศ.2562 เรามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทั้งลำไส้ และหัวใจ ยังมีโรคอะไรเดิมๆ อีก นอกจากการรักษาด้วยยา และวิธีการอื่นของหมอแล้ว หมอยังแนะนำการปรับพฤติกรรม เช่น การนอน ต้องนอนมากขึ้น การรับประทาน ต้องหลีกเลี่ยงของแสลง พอมาถึงการออกกำลังกาย หมอบอกว่า สำคัญมาก ชอบออกกำลังกายแบบไหน เราตอบว่า ชอบเดินรอบบ้าน หมอบอกว่า อยากเล่นกีฬาก็ได้ ข้าพเจ้าว่าเดินไปมาดีแล้ว หมอว่าชอบแบบนั้นก็แล้วไป

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

ตั้งแต่สมัยเด็กได้ยินคำว่า เดินจงกลม จากพระ ถามพระทำไมต้องเดินจงกลม สมัยนั้นคิดว่าเสียเวลา ควรวิ่งจงกลม จะได้ระยะทางวิ่งดีกว่า พระอธิบายเยอะ เราจำไม่ได้ แต่วิ่งจงกลมเร็วเกินไป การเดินทำให้ดูนั่นดูนี่ และได้ภาพถ่ายมาโชว์ ระหว่างเดินเราได้เห็นทิวทัศน์ หรือภูมิประเทศอย่างหนึ่ง และเราสามารถถ่ายทอดความรู้สึกความคิดผู้อื่น แม้แต่ตัวเองได้ แต่ภูมิประเทศ เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดได้ เก็บไว้ได้โดยผ่านรูปเขียน ภาพถ่าย ที่อาศัยปากกา ดินสอสีกล้องถ่ายภาพ หรือกล้องถ่ายภาพยนตร์ ดังนั้นภาพที่แสดงครั้งนี้ และครั้งก่อนๆ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ น่าทึ่ง มีเรื่องเล่ามากมาย”

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

จากนั้น ทรงบรรยายถึงแรงบันดาลพระราชหฤทัย ในการถ่ายภาพ เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า

ภาพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว เราก็มีการจุดเทียนและเถียงกันเล็กน้อยว่า ควรจะจุดเทียนกี่เล่ม ตกลงว่า 92 เล่ม นอกจากจุดเทียนแล้วยังมีคาราโอเกะร้องเพลงถวายมีคนเขาบอกว่า เห็นท่านมาฟังเพลงด้วย ปีหน้าก็จะจุดถวายอีกและจะเพิ่มจำนวนเทียนอีกจนกว่าจะจุดไม่ไหว” พระองค์ท่านทรงหมายถึงภาพจุดเทียนและร้องเพลงถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

“ส่วนภาพ สุสานปากกา สวนปทุม ปทุมธานี เป็นปากกาที่เขียนหมดแล้วแต่ใส่ตู้เอาไว้ มีส่วนหนึ่งใส่กรอบและศิลปินแห่งชาติทำแบล็กกราวด์ให้ ซึ่งศิลปินแห่งชาติท่านนั้นได้ล่วงลับไปแล้ว ยังมีที่เก็บไว้อีกสองหรือสามเท่ากว่าที่เห็น เคยกลุ้มใจเสียดาย บางด้ามเขียนสามถึงห้าวันก็หมดแล้ว และนำมาใช้ใหม่ไม่ได้ ทดลองนำเข็มฉีดยาสูบน้ำหมึกพยายามทิ่มเข้าไปในหลอดที่หมดแต่ไม่สำเร็จก็อุตส่าห์ไปดูงานทำปากกาลูกลื่น ได้เห็นว่าใช้เทคโนโลยีต่างๆ เยอะแยะที่เราทำไม่ได้แน่ จริงๆ แล้วการทำปากกาลูกลื่นมีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่าที่เราคิดมาก ส่วนรูปที่ศิลปินแห่งชาติทำให้ถือเป็นงานศิลปะตั้งชื่อว่า “ความขยัน” คือขยันเขียนเสียจนหมึกหมด ในส่วนที่เป็นความขยันนี้ก็มีด้ามหนึ่งเป็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แต่ด้ามไหนจำไม่ได้แล้ว”

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

ในขณะที่ ภาพ "วัดเดียวกัน มีคนเอาของมาถวาย" กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงบรรยายว่า
“ เที่ยวนั้นอยากไปดูวัฒนธรรมอินเดียในประเทศสิงคโปร์ วัดศรี วีรมกาลิอัมมัน เป็นวัดฮินดู ซึ่งแปลว่าเจ้าแม่กาลีผู้ดีงามและกล้าหาญ จะเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กาลีเหยียบใครอยู่เสมอ บ้างก็ว่าบางรูปปราบยักษ์ บางรูปเหยียบสามีท่านเอง ครั้งแรกที่ไปเอง ครั้งที่สองพานักเรียนนายร้อยไป ในคอร์สเอเชียใต้โดยจัดธีมผู้อพยพจากอินเดียใต้ไปเซ้าท์อีสเอเชีย บริเวณนี้มีลิตเติ้ลอินเดีย ซึ่งรวบรวมวัฒนธรรมอินเดียรวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ด้วย จะเห็นได้ว่าคนพื้นเมืองก็รับวัฒนธรรมอินเดีย ปัจจุบันการคมนาคมสะดวก รวมถึงมีสื่อดิจิทัลทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว คนบรรยายบอกวันนี้เหมือนวันแขกในเมืองไทย”

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

นอกจากนี้ทรงบรรยายถึงภาพ นิทรรศการวังหน้านฤมิต พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ว่า “เป็นเงาของผู้บรรยาย (ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน) นิทรรศการวังหน้านฤมิต เป็นนิทรรศการที่รวมสื่อต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะรูปถ่ายหรือรูปเขียนแต่รวมด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ หรือแม้กระทั่งการร้องเพลง อาหาร จัดที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ”

รวมทั้งภาพเยี่ยมคุณพระ และภาพ อู๊ดดี้ แอ๊ดดี้ หมูแคระ กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเล่าว่า

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

“ คุณพระเศวต(พระเศวตอดุลยเดชพาหน) ไม่อยู่ที่วังสวนจิตรลดา ไปตากอากาศอยู่ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ รู้สึกจะเหมาะกับจริตของคุณพระจะอยู่สกลนคร ได้ไปเดินป่า เดินเล่น มีความสุขมากกว่าอยู่ในกรุง จริงที่วังสวนจิตลดา มีต้นไม้แยะ มีที่จะเดินได้ดีพอสมควร แต่ที่สกลนครจะสบายกว่า

นี่ก็มีพระเอกนางเอก แอ๊ดดี้กับอู๊ดดี้ ท่านก็เคยเห็นในหนังสือเล่มที่แล้วมาแล้ว คู่นี้มาจากจังหวัดนครปฐม คนที่ให้เขาก็บอกว่านี้เป็นหมูแคระ โตที่สุดน้ำหนักจะไม่เกิน 30 กิโลกรัม ที่จริงเลี้ยงหมาและแมวที่มาโดยบังเอิญเป็นร้อยตัว นก หนู หอยทาก เต็มไปหมดแล้ว ให้เลี้ยงหมูอีกก็ได้ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ได้ชั่งประมาณ 93 กิโลกรัม และเมื่อคืนเพิ่งชั่งอีกตัวหนึ่ง 95.18 กิโลกรัม อีกตัว 94.92 กิโลกรัม รู้สึกว่ากว่าจะถึงปีใหม่คงเกินร้อย อีกอย่างที่เขาบอกคือหมูชนิดนี้เป็นหมูที่มีไอคิวสูง เขาว่าไอคิวสูงเท่าหมา ไม่เคยรู้เลยว่าหมาไอคิวเท่าไหร่ แม้แต่คนก็ไม่เคยรู้ว่าคนไอคิวเท่าไหร่ เขามีวิธีวัดไม่เคยไม่วัดเหมือนกัน แต่มีในนิตยสารฝรั่งมีวิธีวัดไอคิว ก็เคยทำเล่นตอนสมัยเด็กๆ ที่เห็นมี 3 ส่วน ส่วนหนึ่งพวกศัพท์ คำพูด อันนี้ง่ายทำได้ อีกอันเป็นเรื่องของตัวเลข เขาจะมีเป็นแถวตัวเลข แล้วเว้นให้เติมที่ควรว่าจะเป็นเลขอะไร อันนี้ก็ง่าย เพราะที่จริงแล้วมีสูตรคิด มีอันหนึ่งที่ทำได้ไม่ค่อยดีคือเรื่องของภาพ มีลักษณะคล้ายๆ พวกเอ็นจิเนียริ่ง ดรออิ้ง คือมองภาพไม่ออกว่าภาพต่างๆ มีความสัมพันธ์กันยังไง ในส่วนนี้จะได้จะแนนน้อยหน่อย แล้วถ้าเชื่อตามในนิตยสารที่เอาใจคนอ่านทำแล้วได้ผลคะแนนไอคิวดี แต่ไม่รู้ว่าหมูหรือสุนัขจะไปวัดเขายังไงยังไม่เคยลอง แต่ไอคิวบอกเรียกชื่อเขาก็หันกระดิกหางเพราะรู้ว่าจะเอาอะไรมาป้อน เขาชอบทานแค่ผักผลไม้ไม่รู้น้ำหนักขึ้นพรวดๆ ได้ยังไง”

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

ภาพ กิจกรรมการเกษตรของโรงเรียนในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในประเทศฟิลิปปินส์ โดยกระทรวงศึกษาธิการฟิลิปปินส์คัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งพระราชกรณียกิจที่ทรงให้ความาช่วยเหลือเยาวชนในต่างแดน

“ภาพนี้พานักเรียนนายร้อยไปศึกษาดูงานที่โรงเรียน ลักษณะคล้ายโรงเรียน ตชด. ของบ้านเราสอนให้เพาะปลูก แต่โรงเรียนอยู่ในเขตพื้นที่ยากจนและมีภาวะทุกขโภชนาการมีภาวะขาดอาหาร ตัวไม่สูง หน่วยงานต่างๆ มาดูงานที่ประเทศไทย และกลับไปเพาะปลูกใส่ขวดแขวนกำแพง ตึกเรียนก็หาพื้นที่เพาะปลูกแต่อย่างไรก็ไม่เพียงพอ เพราะนักเรียนมีมาก เรียนกันสามผลัด ตั้งแต่เช้ามืดจนค่ำของทุกวัน ผักที่ปลูกก็นำมารับประทานเป็นอาหาร แต่วิชาดนตรีเขาสอนดีกว่าเรา ใช้หูเทียบเสียงกับเครื่องดนตรี ให้ร้องให้ถูก ของเราเสียงเพี้ยนก็ไม่ได้ว่าอะไร”

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

ต่อจากนั้น กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จ ฯ ขึ้น ณ ชั้น 9 เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ นิทรรศการ “มหัศจรรย์พรรณภาพ Photos Wonderland” ทรงบันทึกไว้ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงปี 2561 - 2562 เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ ประกอบด้วย ภาพแขวนผนัง จำนวน 173 ภาพ ภาพอาหาร (ภาพเล็ก) จำนวน 216 ภาพ และ Art wall จำนวน 12 ภาพ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองจากสายพระเนตรที่ทรงประสบพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่ทรงสนพระราชหฤทัยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่าย  อีกทั้งยังให้ข้อคิดเตือนใจในแง่มุมต่างๆ เพื่อให้คนไทยทุกคน ได้มาชมภาพที่เปรียบเสมือนการเล่าเรื่องผ่านภาพถ่ายของพระองค์ท่านในทุกแห่งหน อีกทั้งยังทรงจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ประจำปี 2562 แก่ผู้ที่มาร่วมงานอีกด้วย

ตระการตา นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2562 หัวข้อ “มหัศจรรย์พรรณภาพ Photos Wonderland” เปิดให้ประชาชนทั่วไปร่วมตามรอยเสด็จฯ และชื่นชมพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เข้าชมระหว่างวันที่ 10 ธันวาคม 2562 – 16 กุมภาพันธ์ 2563 (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00 น. – 21.00 น.  และมีการจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ มหัศจรรย์พรรณภาพในราคาเล่มละ 900 บาท  ณ  ห้องนิทรรศการ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (สี่แยกปทุมวัน) และศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้รายได้ทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย