บิ๊ก ‘ซีอีโอ’ ยอมรับปีหน้าเหนื่อย เร่งปรับกลยุทธ์รับมือธุรกิจชะลอ

บิ๊ก ‘ซีอีโอ’ ยอมรับปีหน้าเหนื่อย เร่งปรับกลยุทธ์รับมือธุรกิจชะลอ

“ซีอีโอ” ยอมรับเศรษฐกิจปีหน้า “ท้าทาย” การดำเนินธุรกิจ ต้องเร่งปรับกลยุทธ์รับมือ โดย “พีทีทีจีซี” ดึงเทคโนโลยีใหม่ช่วยลดต้นทุน พร้อมมองหาโอกาสควบรวมกิจการ ย้ำกระแสเงินสดอื้อ ค่ายอสังหาฯ ประเมินธุรกิจเริ่มพ้นจุดต่ำสุด “อินทัช” หวัง“5จี”ช่วยขับเคลื่อน

แม้สำนักวิจัยทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ จะประเมินภาพเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ขยายตัวได้ดีกว่าในปีนี้ แต่บรรดานักธุรกิจส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า ปีหน้าถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ “ท้าทาย” การดำเนินงาน โดยภาคธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มวางแผน ปรับกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้บ้างแล้ว

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กล่าวว่า ในปีหน้าถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากปริมาณการผลิต(ซัพพลาย) ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในระบบยังมีแนวโน้มค่อนข้างล้นตลาดเมื่อเทียบกับความต้องการ (ดีมานด์) ที่ถูกกดดันจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภาวะทางธุรกิจที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

สำหรับปัจจัยภายนอก ตัวบริษัทอาจไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่ในส่วนของปัจจัยภายใน จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น เช่น การปรับต้นทุนทางการขาย,การเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิต และการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยหรือปรับใช้ให้เป็นประโยชน์แก่บริษัทเพิ่มขึ้น รวมถึงหาโอกาสในการควบรวมกิจการ(M&A) และร่วมทุนกับพันธมิตร หลังจากช่วงที่ภาวะตลาดยังอยู่ในแนวโน้มที่ไม่สดใสมากนัก เพราะหากมีโอกาสได้เจอธุรกิจที่น่าสนใจหรือดีๆบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุนได้

ปัจจุบันบริษัทถือว่ามีความพร้อมในการลงทุนมาก เพราะมีกระแสเงินสด ณ สิ้นงวดไตรมาส 3 ปี 2562 รวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ในระดับเพียง 0.3 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำมากจึงทำให้มีศักยภาพในการกู้เงินได้อีกค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาดีล M&A อย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 ดีล โดยคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ไม่น้อยกว่าต้นทุนทางการเงินที่ระดับ 8.5% และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีหน้า

“ปีหน้าเรากังวลภาวะตลาด เนื่องจากหากยังซบเซาอีกยาวก็คงจะเหนื่อย เพราะจะทำให้ผู้ผลิตที่ต้นทุนสูงก็อาจยากลำบาก แต่ของเราต้นทุนอาจต่ำอยู่แล้วก็ต้องเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าพิเศษให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2563 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเหมือนปีนี้และกำลังการผลิตใหม่ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งเป้ารายได้จะโต 15% จากปีนี้”

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า มองว่าจะเป็นช่วงที่มีซัพพลายค่อนข้างมากและดีมานด์อ่อนแอลงจากระดับหนี้ที่สูงขึ้น แต่ผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) ยังเติบโตได้อยู่ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า มาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน(LTV) ยังมีผลกระทบทำให้ธนาคารพาณิชย์ควบคุมการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นหรือกู้ได้ยากขึ้นโดยเฉพาะในคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตามบริษัทปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นไปยังผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงจึงทำให้มียอดขายเติบโตมากขึ้น

สำหรับรายได้จากการขายบ้านแนวราบในปี 2563 คาดว่าจะเติบโต 5-10% ตามการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยคาดจำนวนโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีหน้าจะมากกว่าปีนี้ ขณะที่แนวสูงจะเป็นช่วงของการโอนกรรมสิทธิ์ในหลายโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้มีการชะลอการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมชั่วคราว เนื่องจากมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (สต็อก) เพียงพอแล้วสำหรับปีนี้และปีหน้า

“มองว่าปีหน้าจะยากกว่าปีนี้ เพราะยังมีปัญหาทั้งเศรษฐกิจและการเมืองอีกค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นปีที่ไม่ง่าย แต่เรามี Portfolio ที่ค่อนข้างยืดหยุ่นเพราะมีแนวราบเป็นหลัก ซึ่งแนวราบของเราวันนี้ลูกค้าหลักเป็นเรียลดีมานด์ซึ่งยังคงเติบโตอยู่ และเรามีหลายโลเคชั่นจึงทำให้เราสามารถสับเปลี่ยนยอดขายได้ ช่วงไหนโลเคชั่นขายดีเราก็ไปโฟกัสตรงนั้น ช่วงไหนเปลี่ยนก็มีหลายโลเคชั่นที่ช่วยประคองได้อยู่”

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า ในปีหน้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นปีที่ยากลำบาก แต่น่าจะดีกว่าปีนี้ เนื่องจากได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและยังมีมาตรการภาครัฐเข้ามาเสริม ประกอบกับเศรษฐกิจก็น่าจะดีขึ้นและโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆที่เริ่มทยอยเสร็จสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีพร้อมอยู่หรือพร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้ว

นายเอนก พนาอภิชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH กล่าวว่าแนวโน้มธุรกิจสื่อสารปีหน้าส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะยังมีแรงขับเคลื่อนจากการประมูล 5G ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยในส่วนของบริษัทก็ได้มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปและการถูกดิสรัปชั่นจากเทคโนโลยี