ธุรกิจเฟรนส์ไชส์..ต้องฟัง 7 พฤติกรรมที่ห้ามทำ

ธุรกิจเฟรนส์ไชส์..ต้องฟัง 7 พฤติกรรมที่ห้ามทำ

คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า คลอดไกด์ไลน์ธุรกิจเฟรนไซส์  กำหนด 7 พฤติกรรมที่เป็นข้อห้าม หากฝ่าฝืนผิดกม.มีโทษปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณา พฤติกรรมทางการค้า ที่ไม่เป็นธรรม และโฆษกคณะกรรมการเปิดเผยว่า ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ พ.ศ. 2562 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2562 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พ.พ.  2563 เป็นต้นไป โดยได้มีการปรับแก้เล็กน้อยจากร่างเดิมหลังจากผ่านการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนทั่วไปทางเว็บไซต์ www.otcc.or.th เมื่อวันที่ 19 ส.ค.- – 20 ก.ย. 2562 รวมทั้ง จากการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2562

นายสันติชัย กล่าวว่า  ไกด์ไลน์ในธุรกิจแฟรนไชส์ ต้องการจัดระบบการค้าให้มีธรรมาภิบาล และมีหลักปฏิบัติที่ชัดเจนในการสร้างบรรทัดฐานการปฏิบัติทางการค้าให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยยกระดับธุรกิจแฟรนไชส์ให้เป็นระบบและมาตรฐานสากล อันจะเป็นการพัฒนาระบบการค้าในธุรกิจแฟรนไชส์ให้มีความเข้มแข็งและเกิดประสิทธิภาพต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป ซึ่งไกด์ไลน์ในธุรกิจแฟรนไชส์ฉบับนี้ได้กำหนดพฤติกรรมที่เป็นข้อห้ามและอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ไว้ 6 ข้อ ประกอบด้วย 

1.การกำหนดเงื่อนไขที่จํากัดสิทธิแฟรนไชส์ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เช่น ให้แฟรนไชส์ซีต้องซื้อสินค้าที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าแฟรนไชส์ หรือต้องซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่สูงกว่าความต้องการใช้จริง 2. การกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมหลังทำสัญญา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เช่น ให้แฟรนไชส์ซีซื้อสินค้านอกเหนือจากที่กำหนดไว้ 3.การห้ามแฟรนไชส์ซีซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ผลิต ผู้จำหน่ายหรือผู้ให้บริการรายอื่น โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร4. การห้ามแฟรนไชส์ซีขายลดราคาสินค้าที่เน่าเสียง่าย โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร5. การกำหนดเงื่อนไขที่แตกต่างกันระหว่างแฟรนไชส์ซี โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และนำไปสู่การเลือกปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม6. การกำหนดเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ นอกเหนือจากการรักษาคุณภาพและมาตรฐานตามสัญญา

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม แฟรนไชส์ซอร์ต้องเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญให้แก่แฟรนไชส์ซีทราบก่อนตัดสินใจทำสัญญา เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ แผนการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ สิทธิในเครื่องหมายการค้า และการต่อ แก้ไข ยกเลิกสัญญา รวมทั้ง ในกรณีที่แฟรนไชส์ซอร์ จะเปิดสาขาใหม่เองนั้น จะต้องแจ้งแฟรนไชส์ชีที่มีสาขาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่สุดทราบและให้สิทธิในการเปิดสาขาใหม่แก่แฟรนไชส์ซีรายนั้นก่อน

นายสันติชัย กล่าวว่า การออกประกาศฉบับนี้ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ควรศึกษาแนวทางการพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งมีกำหนดโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด