ผลสำรวจเผยชาติเอเชียเริ่มระแวงหลังกระแสทุนจีนทะลัก

ผลสำรวจเผยชาติเอเชียเริ่มระแวงหลังกระแสทุนจีนทะลัก

ผลสำรวจเผยชาติเอเชียเริ่มระแวงหลังกระแสทุนจีนทะลัก โดยผู้ตอบแบบสำรวจในญี่ปุ่นเป็น กลุ่มที่มีความคิดเชิงลบต่อประธานาธิบดีจีนมากที่สุด สะท้อนจาก 81% บอกว่าไม่มั่นใจในตัว"สี จิ้นผิง"เลย

ผลสำรวจความเห็นจากพิว รีเสิร์ช บ่งชี้ว่า หลายประเทศในเอเชียโดยเฉพาะออสเตรเลีย อินโดนีเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ไม่มั่นใจในนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน แม้ว่าประเทศเหล่านี้และประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียจะยินดีที่จีนผงาดขึ้นมาเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก

ผลสำรวจจัดทำโดยพิว รีเสิร์ช เซนเตอร์ ซึ่งมีฐานดำเนินงานอยู่ในวอชิงตัน ระบุว่า 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามใน 6 ประเทศเอเชีย-แปซิฟิก อันได้แก่ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ บอกว่า ไม่มีความเชื่อมั่นในนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เทียบกับผู้ตอบแบบสอบถามที่บอกว่ามั่นใจในนโยบายของผู้นำจีน 29%

ผู้ตอบแบบสำรวจในญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่มีความคิดเห็นในเชิงลบต่อประธานาธิบดีจีนมากที่สุด โดย81% บอกว่าไม่มั่นใจในตัวสี จิ้นผิงเลย ตามมาด้วยผู้ตอบแบบสำรวจในเกาหลีใต้ ที่มีสัดส่วนมากถึง 74% และ54% ในออสเตรเลีย ส่วนในฟิลิปปินส์ มีความมั่นใจในตัวสี จิ้นผิง 58% ส่วนที่ไม่มั่นใจมีสัดส่วนเพียง 35%

157576488889

ทั้งนี้ จีนกำลังทำสงครามการค้ากับสหรัฐ และยังไม่ได้ข้อสรุปในการเจรจาการค้ากับสหรัฐในหลายประเด็น รวมถึง การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา การโจมตีทางไซเบอร์ และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลปักกิ่ง ที่รัฐบาลสหรัฐต้องการให้จีนเร่งแก้ไขปัญหานี้

ล่าสุด ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งในฮ่องกงและในมณฑลซินเจียง เป็นประเด็นที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนย่ำแย่ลง เมื่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์ชาวอุยกูร์เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ด้วยคะแนนเสียง 407 ต่อ 1 เสียง ซึ่งกฎหมายนี้เปิดช่องให้รัฐบาลสหรัฐตอบโต้รัฐบาลจีนได้รุนแรงมากขึ้น ถ้าหากพบว่ารัฐบาลจีนกดดันหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกสุดของจีน

ความพยายามกดดันรัฐบาลจีนครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐลงนามบังคับใช้กฎหมายปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยฮ่องกง จนทำให้รัฐบาลจีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงและประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองด้านเศรษฐกิจ บรรดาผู้ตอบแบบสอบถามทั้ง6ประเทศ มองว่า การก้าวขึ้นมาเป็นประเทศเศรษฐกิจที่มีการเติบโตมากที่สุดในโลกของจีนเป็นเรื่องดี โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามในออสเตรเลียที่เห็นเป็นเรื่องดี 65% ต่อ30% ส่วนในญี่ปุ่น ยอมรับจีนในเรื่องนี้ในสัดส่วน 55% ต่อ 34% ในอินโดนีเซีย 40% ต่อ 36% แม้แต่ในสหรัฐ ยังมองว่าการที่จีนยิ่งใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจเป็นผลดีในสัดส่วน 50% ต่อ 41%

“การสำรวจในปีนี้ หลายประเทศมองอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนในแง่บวกมากขึ้น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นในมุมมองผู้ตอบบสอบถามจำนวนมาก ยังมองว่า สหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ1ของโลก”ลอรา ซิลเวอร์ นักวิจัยอาวุโสจากพิว รีเสิร์ช เซนเตอร์ ให้ความเห็น

นอกจากนี้ หลายประเทศในเอเชีย เริ่มระแวดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการรุกเข้าลงทุนของกลุ่มทุนจีน โดย75% ของผู้ตอบแบบสอบถามในญี่ปุ่นระบุว่า เป็นเรื่องไม่ดี ตามมาด้วยผู้ตอบแบบสอบถามในออสเตรเลีย 66% ในเกาหลีใต้ 61% และในอินเดีย 54%

“ส่วนใหญ่การลงทุนจากจีนจะถูกจับตาและพิจารณาอย่างละเอียดเนื่องจากกลัวว่าหากอนุมัติการลงทุนจากจีนง่ายไปจะทำให้จีนแผ่อิทธิพลทางการเมืองมากขึ้น”รายงานของพิว ระบุ

ผลสำรวจชิ้นนี้ของพิว ยังระบุว่า การสนับสนุนความเป็นผู้นำของสหรัฐไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกแล้ว แม้แต่ในญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่เป็นชาติพันธมิตรสนิทแนบแน่นกับสหรัฐ เนื่องจากนโบบาย“อเมริกัน เฟิร์สต์”ของประธานาธิบดีทรัมป์ และการให้ความสำคัญกับการเป็นหุ้นส่วนในกลุ่มต่างๆของสหรัฐที่ลดน้อยลงในยุคทรัมป์

สัดส่วนของประเทศที่คิดว่าสหรัฐเป็นพันธมิตรอันดับต้นๆคือเกาหลีใต้ 71% ฟิลิปปินส์ 64% และญี่ปุ่น 63% ส่วนในออสเตรเลีย มีสัดส่วนในเรื่องนี้แค่ 38%

การสำรวจของพิว รีเสิร์ช เซนเตอร์ครั้งนี้ เป็นการสอบถามความเห็นของผู้คนใน34ประเทศ จำนวน 38,426 คนผ่านทางโทรศัพท์และสอบถามแบบตัวต่อตัว ตั้งแต่วันที่ 13พ.ค.-2 ต.ค.ปีนี้ 157576498051