นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ 20 ธ.ค. เร่งแผนจัดการน้ำ 'อีอีซี'

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ 20 ธ.ค. เร่งแผนจัดการน้ำ 'อีอีซี'

นายกฯ ถก กนช.เคาะแผนน้ำ 'อีอีซี' แสนล้าน 20 ธ.ค.นี้ สทนช.หวัง 20 ปี กระจายน้ำทั่วถึง ลดเสี่ยงขาดแคลนน้ำในทุกพื้นที่ 3 จังหวัด

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ภายใต้คณะกรรมนโยบายน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 6ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมมีการติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ

โดยในส่วนของโครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อรองรับการพัฒนาในระยะ 20 ปี (ปี 2563-2580) มุ่งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่อีอีซี ซึ่งใช้วงเงินลงทุนกว่า 110,230 ล้านบาท  เช่น โครงการกลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืด โดยโครงการทั้งหมดจะนำเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 20 ธ.ค.นี้เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สทนช.ได้มีการประเมินความต้องการใช้น้ำในระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2580) พบว่ามีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นทั้ง 3 จังหวัด โดยใน จ. ชลบุรี เพิ่มขึ้น 50%

โดยมาจากด้านอุปโภคบริโภคเป็นหลัก จ.ระยอง เพิ่มขึ้น 52 % ในด้านอุตสาหกรรมเป็นหลัก และ จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่มขึ้น 12% ในด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก และความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ อีอีซี มีอัตราเพิ่มขึ้นของผู้ใช้น้ำ จาก 4 ล้านคน เป็น 6 ล้านคน โดยเฉพาะในเขต จ.ชลบุรี

157573268262

ดังนั้น สทนช. จึงได้วางมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขต อีอีซี โดยมุ่งเน้นการกระจายน้ำให้ทุกภาคส่วน ซึ่งได้มีการวิเคราะห์ปัญหาการขาดแคลนน้ำ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

1.ระยะเร่งด่วนในปี 2560 ที่ผ่านมา พบว่ามีการขาดแคลนน้ำบางส่วน โดยขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรม ในพื้นที่ชลบุรีและระยอง ในส่วนผู้ใช้น้ำนอกเครือข่ายน้ำปริมาณน้ำที่ขาดแคลนมีเพียงแค่ 1.23 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสามารถใช้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ได้

2.ระยะกลาง ปี 2570 จะมีการวางแผนโดยหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมชลประทาน ดำเนินการพัฒนาแหล่งเก็บน้ำใหม่ ปรับปรุงแหล่งเก็บน้ำเดิม ปรับปรุงระบบเครือข่ายน้ำเดิม และการทำระบบสูบน้ำกลับเข้าไปในแหล่งน้ำเดิม กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดำเนินการสำรวจขุดเจาะน้ำบาดาลเพิ่มเติม

โดย สทนช. ได้ทำการศึกษาและจัดทำเป็นแผนงานเพื่อเสนอเพิ่มเติม เช่น การนำน้ำจากลุ่มน้ำบางปะกง หรือการสูบกลับที่อ่างฯ ประแสร์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำในโครงการชลประทานเดิม

รวมทั้งมีการปรับปฏิทินการเพาะปลูกพืช ใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งการดำเนินการได้ทำการจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนในแต่ละโครงการ โดยจะทำให้มีปริมาณน้ำในช่วงปี 2563-2570 เพิ่มขึ้น 705 ล้าน ลบ.ม. พร้อมกับได้ทำการพัฒนาแผนงานออกเป็นทางเลือก เช่น โครงการการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล ที่จะทำให้การใช้น้ำมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

3.ระยะยาวปี 2580 จะมีการจัดทำระบบเครือข่ายน้ำเพิ่มเติม และมีการวางแผนการเพาะปลูกพืชใหม่ โดยเฉพาะในฤดูแล้งใน จ.ฉะเชิงเทรา และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้า 15-20% ของปริมาณน้ำเสีย ซึ่งภายในช่วงปี 2570-2580 จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 166 ล้าน ลบ.ม.