"โคนมไทย"ผวา หลังปลดล๊อคเอฟทีเอนิวซีแลนด์ สิ้นปี2563

"โคนมไทย"ผวา หลังปลดล๊อคเอฟทีเอนิวซีแลนด์ สิ้นปี2563

พาณิชย์เร่งจบ-เปิดดีลใหม่เอฟทีเอหวังสร้างโอกาสการค้าขณะที่“เกษตรฯ”เผยนมและเนื้อจากนิวซีแลนด์รุกไทยหนักสิ้นปีหน้าปลดทุกเงื่อนไขผวาทะลักเข้าไทยทำเกษตรกรทรุด

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ว่าภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย - นิวซีแลนด์ ( TNZCEP) มีสินค้าเกษตรตามมาตรการปกป้องพิเศษ(SSG )ที่ไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์สูง 3 รายการ จาก 18 รายการ ได้แก่ นมและครีม นำเข้า44,440 ตันต่อปี  ซึ่งตามข้อตกลงกำหนดให้ปี 2563 ไทยกำหนดปริมาณนำเข้า (Trigger Volume) 51,973 ตัน หากเกินโควตาเสียภาษี 5% หรือ 18 % สินค้าเนื้อโคกระบือ นำเข้า 2,531 ตันต่อปี และปี 2563 โควตา1,039  ตัน หากเกินโควตา ต้องเสียภาษี 50%  

ส่วนสินค้าเครื่องในโคกระบือ นำเข้า 2,738 ตันต่อปี และ ปี 2563 โควตาจำนวน 1,247 ตัน และเกินโควตา เสียภาษี 30% ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2564 สินค้าดังกล่าวทั้ง 3 รายการจะสิ้นสุดมาตรการ คือ ลดภาษีเป็น 0% โดยไม่จำกัดปริมาณนำเข้า  ดังนั้น สศก. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภายในกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเตรียมการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี 2563 ไทยมีแผนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางการค้า (เจทีซี) ระดับรัฐมนตรีกับประเทศคู่ค้าหลายประเทศ เช่น สปป.ลาว บังคลาเทศ เมียนมา เวียดนาม และสิงคโปร์  รวมทั้งมีแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมเจทีซีที่ประเทศคู่ค้าจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เช่น มัลดีฟส์ เกาหลีใต้ รัสเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้น 

โดยสั่งให้กรมฯใช้โอกาสนี้เร่งหาข้อสรุปการเจรจาเอฟทีเอกับตุรกี ศรีลังกา ปากีสถานที่ยังค้างอยู่ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น ไทย- สหภาพยุโรป(อียู) , ไทย- สหราชอาณาจักร(ยูเค),  ไทย-สมาคมการค้ายุโรป(เอฟต้า)  หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกให้กับสินค้าและบริการของไทย 

ทั้งนี้ ได้มีแผนรับมือการเปิดเสรีทางการค้าผ่านการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาการจัดตั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอ มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน โดยจะมีการประชุมครั้งแรกวันที่ 20 ธ.ค.2562