สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 2-6 ธันวาคม 2562

สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 2-6 ธันวาคม 2562

เงินบาททยอยอ่อนค่าลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปิดสัปดาห์นี้ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทเผชิญแรงขายในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากข้อมูล PMI ของจีนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. กระตุ้นแรงขายสินทรัพย์และสกุลเงินปลอดภัย เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือนที่ 30.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังธปท. ส่งสัญญาณติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาท พร้อมกับระบุเตือนถึงแนวโน้มที่เงินบาทอาจผันผวนและไม่ได้แข็งค่าเพียงด้านเดียวเหมือนในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ สถานะขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติก็เป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมที่กดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน  

- ในวันศุกร์ (6 ธ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 พ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.20-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอติดตาม ประกอบด้วย ผลการประชุมนโยบายการเงิน และประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจ-อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (10-11 ธ.ค.) ตลอดจนความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก และเครื่องชี้สัญญาณเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาสินค้านำเข้า-ส่งออก เดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ สัญญาณนโยบายการเงินจากผลการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 12 ธ.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดปลายสัปดาห์ที่ 1,558.99 จุด (ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน) ลดลง 1.99% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,251.64 ล้านบาท ลดลง 17.87% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 1.56% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 313.89 จุด 

- ตลาดหุ้นไทยร่วงลงตลอดสัปดาห์ท่ามกลางสัญญาณสะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังธปท. มีแนวคิดที่จะดูแลการเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคาร นอกจากนี้สัญญาณตึงเครียดในประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ ในระหว่างที่ข้อพิพาทการค้ากับจีนยังคงไม่คลี่คลาย รวมถึงความกังวลต่อผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ก็เป็นอีกปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ 

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,550 และ 1,525 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,575 และ 1,585 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของเฟด (10-11 ธ.ค.) สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงผลการเลือกตั้งของอังกฤษ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิต รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิตเดือนพ.ย. ของจีน รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น