6 เดือนประท้วงฮ่องกง ‘ลมหายใจไม่แพ้’

6 เดือนประท้วงฮ่องกง ‘ลมหายใจไม่แพ้’

การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานาน 6 เดือน ทำให้บางคนต้องตกงาน บ้างได้รับบาดเจ็บจนชีวิตไม่เหมือนเดิม บางคนถึงขนาดต้องหนีไปอยู่ต่าประเทศ แต่พวกเขายืนยัน “สู้ไม่ถอย”

ขบวนการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ประชาชน 1 ล้านคนลงถนนคัดค้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้กับจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เมื่อรัฐบาลปักกิ่งใช้ไม้แข็ง ขบวนการจึงขยับไปเรียกร้องให้จีนหยุดทำลายเสรีภาพฮ่องกง

6 เดือนผ่านไปรัฐบาลฮ่องกงที่มีปักกิ่งหนุนหลังอ่อนข้อให้เพียงเล็กน้อย การประท้วงกลายเป็นความรุนแรง ความสูญเสียหนักข้อขึ้นเช่นกัน

เรย์มอนด์ เหยิง ครูสอนศิลปศาสตร์ จากโรงเรียนหญิงชั้นนำ Diocesan ร่วมขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยตั้งแต่ช่วงแรกๆ และร่วมขบวนประท้วงใหญ่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่เหตุการณ์เริ่มบานปลายกลายเป็นความรุนแรง

ผู้ประท้วงบุกเข้าไปในลานหน้าอาคารรัฐสภา ขว้างปาข้าวของรวมทั้งแท่งเหล็กเข้าใส่ตำรวจ และถูกตอบโต้ด้วยกระสุนยาง กระสุนถุงถั่ว และแก๊สน้ำตา สร้างความคั่งแค้นให้ผู้ประท้วงต่อเนื่องมาอีกนานหลายเดือน

เหยิงถูกกระสุนเข้าที่ใบหน้า จนถึงบัดนี้ยังไม่แน่ใจว่าเป็นกระสุนยางหรือกระสุนถุงถั่ว เศษแว่นตาแตกกระจายเข้าดวงตาขวาอาการสาหัส ตอนนี้มองเห็นได้แค่ 30% ทั้งยังถูกจับกุมตัวฐานก่อจลาจล แต่ได้รับการปล่อยตัวในภายหลัง

ถึงวันนี้เขาไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่คิดว่า ผมจะมีส่วนร่วมกับขบวนการมากกว่านี้ได้ยังไง การเพลิดเพลินกับเงินและวัตถุนั้นสำคัญ แต่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป”

ไรอัน นักศึกษาวัย 19 ปีก็รู้สึกแบบเดียวกัน ยอมเลิกเล่นฟุตบอลและวีดิโอเกมกับเพื่อนอย่างที่เคยชื่นชอบ แต่หันมาประท้วงจนกลายเป็นหนึ่งในจำนวนเกือบ 6,000 คน ที่ถูกจับนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. และถูกปรับ 640 ดอลลาร์ในคดีอาญาฐานทำถังขยะเสียหาย

การประท้วงร่วม 6 เดือนทำให้ชีวิตและนิสัยของไรอันเปลี่ยนไปจนเจ้าตัวก็แทบจะไม่ได้

“ก่อนร่วมขบวนการหลายคนบอกว่า ผมเป็นคนร่าเริง มองโลกในแง่ดี แต่ตอนนี้บางคนบอกว่า ผมมองโลกแง่ร้ายมากขึ้น เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยยิ้ม พอคิดว่าเพื่อนๆ ถูกตำรวจยำ ถูกจับกุมและยังไม่ได้ปล่อยตัว ก็เล่นเอายิ้มไม่ออก”

การออกมาเคลื่อนไหวทำให้ไรอันขัดแย้งกับพ่อ ผู้สนับสนุนรัฐบาล และเขาเองกังวลว่าขบวนการกำลังอับปางลง

“ผมรู้สึกหมดหนทางมากๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเหมือนเดินฝ่าข้ามแม่น้ำแล้วเจอก้อนหิน” เด็กหนุ่มระบายความอัดอั้น

สำหรับหลายคนการเข้าร่วมประท้วงเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง ถึงขนาดต้องลี้ภัย เช่น ไซม่อน เจิ้ง อดีตเจ้าหน้าที่การค้า สถานกงสุลอังกฤษในฮ่องกงตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอน หลังจากถูกทางการจีนควบคุมตัวเป็นเวลา 15 วัน จากข้อกล่าวหาล่อลวงโสเภณี ที่เจิ้งมองว่า เป็นการดำเนินคดีด้วยแรงจูงใจทางการเมือง และถูกซ้อมทรมานระหว่างสอบปากคำว่า เขาสนับสนุนผู้ประท้วงฮ่องกงหรือไม่

“ผมอยู่ระหว่างลี้ภัย เผลอๆ อาจกลับฮ่องกงไม่ได้อีกเลย” เจ้าตัวเผยและยอมรับว่าเสียใจเล็กน้อยที่ร่วมประท้วง

“สุดท้ายแล้วผมคงต้องยอมรับความจริง พูดและทำงานในสิ่งที่ผมต้องการทำจริงๆ นั่นคือการเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพ”

รีเบกกา ไซ อดีตแอร์โฮสเตสเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องออกจากงานเพราะไปประท้วง เนื่องจากปักกิ่งกดดันสายการบินคาเธ่ย์ดราก้อนให้ลงโทษพนักงานที่สนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่เธอยังมีความหวังกับการประท้วง

“คนฮ่องกงไม่เคยเข้าใจกันแบบนี้มาก่อน” เธอเล่าว่า ผู้คนมากมายที่เจอกันตามท้องถนนมาให้กำลังใจเธอ

“เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ในทุกๆ วันนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. รัฐบาลจีตคงคิดว่าเดี๋ยวเราก็หมดแรงแล้วอะไรๆ ก็เข้าที่ แต่พวกเขาประเมินความอึดของคนฮ่องกงต่ำไป” อดีตแอร์โฮสเตสยืนยัน