‘SFLEX’ เคาะราคาหุ้นไอพีโอ 3.88 บาท P/E 24.5 เท่า ที่ปรึกษาฯ ยันราคาเหมาะสม

‘SFLEX’ เคาะราคาหุ้นไอพีโอ 3.88 บาท P/E 24.5 เท่า ที่ปรึกษาฯ ยันราคาเหมาะสม

‘SFLEX’ กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอ 3.88 บาท คิดเป็น P/E 24.5 เท่า P/BV 1.96 เท่า สูงอันดับสองของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ด้านที่ปรึกษาการเงินยันราคาเหมาะสม เนื่องจากธุรกิจพรีเมียมจากบริษัทอื่นในกลุ่มบรรจุภัณฑ์

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยว่า กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอ SFLEX ที่ 3.88 บาท คิดเป็นค่า P/E จากผลประกอบการ 4 ไตรมาสย้อนหลังที่ 24.5 เท่า และคิดเป็น P/BV 1.96 เท่า ภายหลังจากที่รวมเงินเพิ่มทุนเข้ามาแล้ว โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นระหว่างวันที่ 11 – 13 ธ.ค. 2562 และคาดว่าจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) หมวดบรรจุภัณฑ์ และทำการซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 19 ธ.ค. 2562 โดยจะเสนอขายหุ้นไอพีโอรวม 110 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ ระดับ P/BV ที่ 1.96 เท่า ของราคาไอพีโอ SFLEX สูงสุดเป็นอันดับสองของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ประมาณ 1 เท่า โดยที่ปรึกษาทางการเงินให้เหตุผลว่า การกำหนดราคาที่ระดับนี้เป็นผลจากการให้มูลค่าธุรกิจของ SLEX ที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม โดยเฉพาะรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible packaging) รวมทั้งฐานลูกค้าชั้นนำ อาทิ ยูนิลีเวอร์, ไลอ้อน, นีโอแฟคทอรี่ และ ไอ.พี. แมนูแฟคเจอริ่ง เป็นต้น

 

“หากพิจารณาจากฐานลูกค้าของ SFLEX จะเห็นว่าเป็นลูกค้าขนาดใหญ่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักในวงกว้างอยู่แล้ว และหากจะเปรียบเทียบบริษัทที่คล้ายกันจริงๆ คงต้องเทียบกับบริษัทต่างประเทศอย่าง Amcor ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่สหรัฐและออสเตรเลีย มี P/E ประมาณ 27 เท่า และหากพิจารณาจากการประเมินของนักวิเคราะห์จะเห็นว่ายังคงมีอัพไซด์อยู่พอสมควร”

ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์อยู่ที่ประมาณ 5.5 – 6.5 บาท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ รวม 426.80 ล้านบาท จะนำไปลงทุนเครื่องจักร 140 ล้านบาท สร้างคลังสินค้า 50 ล้านบาท ชำระคืนหนี้ระยะยาว 95 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยภายหลังจากการคืนหนี้เงินกู้จะทำให้หนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงเหลือประมาณ 0.6 เท่า

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า เราประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SFLEX ปี 2563 ที่ 5.60 บาท ด้วยวิธี P/E method อิง P/E เป้าหมายที่ 16.7 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย P/E ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยเราชอบ SFLEX จากกลยุทธ์การดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และคาดรายได้รวมเติบโตดี ทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค พร้อมคาดความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้น จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ผลักดันให้คาดการณ์กำไรปกติปี 2563 เติบโต 97% จากปีนี้

ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมา ในปี 2562 ของ SFLEX มีรายได้รวม 943.22 ล้านบาท ลดลง 9.66% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 46.42 ล้านบาท ลดลง 60.55% จากปีก่อน โดยบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง และส่งผลให้ยอดสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าลดลง ประกอบกับในช่วงต้นปีลูกค้ารายใหญ่บางรายมีการปรับรายการสั่งซื้อสินค้าที่เป็นสินค้าใหม่ซึ่งเป็นเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้น และมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อประหยัดต้นทุน ทำให้ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นในช่วงแรก รวมทั้งบริษัทได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ที่โรงงาน 2 ทำให้ต้นทุนค่าแรงทางตรงค่าโสหุ้ยการผลิตเพิ่มขึ้น อีกทั้งการใช้กำลังการผลิตที่ไม่เต็มที่จากยอดขายที่ลดลงทำให้ต้นทุนการผลิตคงที่ต่อหน่วยเพิ่มขึ้น