เร่งปิดดีลเจรจา 'เอฟทีเอ' ที่ค้างให้เสร็จปีหน้า

เร่งปิดดีลเจรจา 'เอฟทีเอ' ที่ค้างให้เสร็จปีหน้า

"วีรศักดิ์" สั่งการกรมเจรจาฯ เร่งปิดดีลเอฟทีเอที่ค้างอยู่และเปิดการเจรจาใหม่ๆ รวมทั้งเร่งขยายโอกาสส่งออกสินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูปกับประเทศคู่เจรจาเอฟที  พร้อมกางแผนปี 63 เตรียมนำทีมลุยลงพื้นที่ชี้โอกาสให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรทั่วประเทศ  

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ประชุมกับผู้บริหารกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อกำชับให้เร่งจัดทำความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทย ทั้งผ่านการจัดประชุมคณะกรรมการการค้า (เจทีซี) พร้อมทั้งเร่งหาข้อสรุปการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ยังค้างอยู่ทั้งเอฟทีเอ-ตุรกี ศรีลังกา ปากีสถาน และเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น ไทย-อียู ไทย-ยูเค ไทย-เอฟต้า และความตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี)  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกให้กับสินค้าและบริการของไทย

 นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการการค้า (เจทีซี) ทีโดยในปี 2563 ไทยมีแผนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจทีซีระดับรัฐมนตรีกับประเทศคู่ค้าหลายประเทศ เช่น สปป.ลาว บังคลาเทศ เมียนมา เวียดนาม และสิงคโปร์ เป็นต้น รวมทั้งมีแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมเจทีซีที่ประเทศคู่ค้าจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เช่น มัลดีฟส์ เกาหลีใต้ รัสเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งได้ขอให้กรมฯดำเนินการประชุมตามแผนที่ตั้งไว้

157561304960

นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า  กรมเจรจาฯ ได้เสนอแผนจะลงพื้นที่ให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของเอฟทีเอกับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอและกระจายสินค้าไทยสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปนั้น ตนจะร่วมลงพื้นที่พบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่นด้วย โดยในเดือนธันวาคม 2562 จะนำคณะลงพื้นที่พบปะเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนที่เลี้ยงโคขุนสมุนไพรดอนมดแดง รวมทั้งเยี่ยมชมศักยภาพการค้าของจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี และพบปะเกษตรกรผู้ผลิตข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนในปี 2563 มีแผนที่จะร่วมลงพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย เช่น นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ ตาก ชัยภูมิ ระยอง ตราด สงขลา และกระบี่ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.– ต.ค.) การค้าระหว่างประเทศไทยกับคู่ค้า 17 ประเทศที่ไทย มีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ด้วย ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เปรู ชิลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีมูลค่าการค้ารวม 241,789.5 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น มูลค่าส่งออก 118,427.1 ล้านดอลลาร์ และมูลค่านำเข้า 123,362.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประเทศคู่เอฟทีเอที่มีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน มีมูลค่าการค้า 90,737.4 ล้านดอลลาร์  จีน มีมูลค่าการค้า 65,154.9 ล้านดอลลาร์ ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 48,733.4 ล้านดอลลาร์ ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า 12,224.5 ล้านดอลลาร์ และเกาหลีใต้ มีมูลค่าการค้า 11,297.2 ล้านดอลลาร์