คลังคืนสิทธิ์ 1.1 ล้านราย ร่วมชิมช้อปใช้

คลังคืนสิทธิ์ 1.1 ล้านราย ร่วมชิมช้อปใช้

กระทรวงการคลังคืนสิทธิ์ให้แก่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์  1.1 ล้านรายเข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ โดยสามารถใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ได้ทุกจังหวัด ขณะที่ ยอดใช้จ่ายรวมในโครงการอยู่ที่กว่า 1.9 หมื่นล้านบาท เป็นกระเป๋าเงินช่องที่ 2 จำนวนประมาณ 7.6  พันล้านบา

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค.ได้คืนสิทธิ์ให้กับผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ในมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศชิมช้อปใช้ที่ไม่สามารถเริ่มใช้สิทธิ์ได้ทันภายใน 14 วันหลังจากได้รับข้อความ SMS ยืนยันสิทธิ์ ทั้งเฟสแรกและเฟสที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 1.1 ล้านราย เนื่องจากตามหลักเกณฑ์เดิมจะต้องใช้สิทธิ์ชิมช้อปใช้ในจังหวัดที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาตัวเอง จึงทำให้มีประชาชนบางส่วนใช้สิทธิ์ไม่ทัน

ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกคืนสิทธิ์จำนวน 1.1 ล้านราย จะสามารถใช้กระเป๋าเงินช่องที่ 2  ในแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ซึ่งมีการคืนเงินให้ 15% หากยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30,000บาท และคืนเงินให้อีก 20% จากยอดใช้จ่ายที่เกินจาก 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยคืนเงินสูงสุดรวมกันไม่เกิน 8,500 บาท โดยประชาชนสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ทุกจังหวัด แม้จะเป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิลำเนาตัวเองจนถึงวันที่สิ้นสุดโครงการ 31 ม.ค.2563 เพียงแต่ครั้งนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์ในกระเป๋าเงินช่องที่ 1 จำนวน 1,000 บาท

อ่านข่าว-คลังแจกอีกต่อยอดชิมช้อปใช้

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เคยผ่านการยืนยันตัวตนจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและถ่ายรูปเปรียบเทียบใบหน้าในแอปพลิเคชัน เป๋าตังแล้ว สามารถใส่รหัสเดิม เพื่อใช้งานในแอปพลิเคชันและรับสิทธิ์ได้ทันที ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้ายืนยันตัวตน จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนในแอปพลิเคชั่นเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าวอีกครั้ง 

ส่วนการลงทะเบียนของผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในชิมช้อปใช้เฟส 3 ขณะนี้ปิดรับการลงทะเบียนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นสรุปยอดผู้สูงอายุมาลงทะเบียนทั้งหมด 280,000 ราย จากเป้าที่วางไว้ 500,000 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนสิทธิ์ที่เหลืออยู่กำลังพิจารณาว่าจะนำกลับเข้ามาในระบบเพื่อให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเพิ่มเติมหรือไม่

ขณะที่ ยอดใช้จ่ายของของประชาชนในมาตรการชิมช้อปใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. จนถึงวันที่ 5 ธ.ค. 2562 มีผู้ใช้สิทธิ์รวม 3 เฟส เป็นจำนวน 11 ล้านราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 19,233 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้จ่ายจากกระเป๋าเงินช่องที่1  ซึ่งรัฐบาลให้เงิน 1,000 บาท จำนวน 11,633 ล้านบาท และกระเป๋าเงินช่องที่ 2 จำนวนกว่า  7,600 ล้านบาท