ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 4% เก็งโอเปกลดการผลิต

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.33 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ราคา 58.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 2.31 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ราคา 63.14 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล

ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

อีไอเอ ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 460,000 บาร์เรล

ขณะที่นายเทเมอร์ กาดบาน รมว.น้ำมันอิรัก กล่าวว่า สมาชิกหลายชาติของกลุ่มโอเปกต้องการให้มีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นในการประชุมวันนี้ ก่อนที่โอเปกและพันธมิตรจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในสัปดาห์นี้ โดยรัฐมนตรีพลังงานของโอเปก จะประชุมกันในวันที่ 5 ธ.ค. ก่อนที่ตัวแทนจากกลุ่มประเทศพันธมิตรจะเข้าร่วมการประชุมในวันที่ 6 ธ.ค.

ด้านนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.น้ำมันรัสเซีย กล่าวว่า เขาคาดหวังว่า การประชุมโอเปกและพันธมิตรในสัปดาห์นี้ จะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์แต่นายโนวัค ก็กล่าวว่า รัสเซียยังคงไม่ได้กำหนดจุดยืนของตนเองแต่อย่างใด

ส่วนนายวากิต อเล็กเปรอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทลุคออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัสเซีย กล่าวว่า การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวจะไม่เกิดประโยชน์สำหรับรัสเซีย