เผย 'โฮปเวลล์' ยินดีเจรจา 'ครม.' โยนคมนาคมหาแนวทาง
รองนายกฯเผย "โฮปเวลล์" ยินดีเจรจา "ครม." แม้ชนะคดี โยนคมนาคม หาคนรับผิดทางแพ่ง หาช่องให้รัฐกลับมาได้เปรียบ ชี้ "ไวพจน์" ยังไม่พ้นสภาพ ส.ส. แต่ไม่มีความคุ้มกัน
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 62 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันจะไม่จ่ายเงินชดเชยให้บริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย ตามที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา เนื่องจากพบว่ามีข้อพิรุธในโครงการดังกล่าว นายวิษณุ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้มีการตั้งกรรมการไปเจรจา และได้มาเล่าให้ฟัง ซึ่งหากเขามาขอคำแนะนำตนก็ให้คำปรึกษา ส่วนเรื่องที่ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตั้งใจจะรื้อโครงการนั้นตนไม่ทราบ แต่เดิมเรื่องนี้เป็นเพราะทางบริษัทโฮปเวลล์ มีหนังสือแจ้งมายังรัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้วว่า แม้เขาชนะคดี แต่ก็ยินดีจะเจรจา คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมีมติให้กระทรวงคมนาคมสมัยนั้นเสนอแนวทางขึ้นมาให้ ครม.พิจารณา และหาผู้ต้องรับผิดทางแพ่ง รวมถึงมีช่องทางใดทำให้รัฐกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบหรือไม่ โดยให้ตนให้คำแนะนำกระทรวงคมนาคม ก่อนที่เรื่องจะมาถึง ครม. แต่เราไม่มีการตั้งเป้าอะไรไว้ ครม.เพียงตระหนักว่า ตามคำพิพากษา ดอกเบี้ยมันเดินอยู่ทุกวัน วันละล้านบาท ก็ขอให้เอาไปต่อรองด้วย
ทั้งนี้ นายวิษณุ ได้เปิดเผยถึงกรณีศาลฎีกาออกหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในคดีล้มการประชุมอาเซียนเมื่อปี 52 เพื่อให้มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 15 ม.ค. 63 ตอนนี้สามารถจับกุมตัวได้เลยหรือไม่ ว่า ขณะนี้สมาชิกภาพ ส.ส.ของ พ.ต.ท.ไวพจน์ ยังมีอยู่ สามารถมาประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่ไม่มีความคุ้มกันหรือสิทธิที่จะไม่ถูกนำตัวไปดำเนินคดี หากเจอที่ไหนก็จับได้ ถ้าจะจับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถจับกุมในสภาฯ ได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ปกติในสภาฯ เขาจะไม่จับ ช่วยรออยู่หน้าประตูได้หรือไม่ และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอมติที่ประชุมสภาฯ เพราะตอนนี้ พ.ต.ท.ไวพจน์ ไม่มีความคุ้มกันแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา หาก พ.ต.ท.ไวพจน์ ยังไม่ถูกจับกุม สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ตลอด ลงมติได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังได้กล่าวถึงปัญหามติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่เลื่อนการยกเลิกการใช้สารเคมีทางเกษตร คือ พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสไปอีก 6 เดือน และจำกัดการใช้ไกลโฟเซต ว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เล่าให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมติดังกล่าว ซึ่งตนเข้าใจและฟังขึ้น ส่วนจะฟังได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นไปตามที่ นายสุริยะ พูด ถือว่าฟังขึ้น เพราะการลงมติไม่เหมือนในสภาผู้แทนราษฎรที่จะต้องนับองค์ประชุม ต้องเสียบบัตรแสดงตน รอมติ แต่การประชุมทั่วไปไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากมีการรับเบี้ยประชุมที่สภาฯไม่มี และองค์ประชุมเห็นหน้าเห็นตากันหมด เพราะมีเพียงไม่กี่คน