สงครามการค้ากดดัน

สงครามการค้ากดดัน

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวลงเล็กน้อย และแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดช่วงการซื้อขาย แต่ยังถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ

เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,567.63 จุด (-1.90 จุด) Volume 4.4 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,524.96 ลบ. TFEX Net  +7,442 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 14 เซนต์ +0.3% ปิดที่ 56.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับความหวังว่ากลุ่มโอเปกจะปรับลดการผลิตน้ำมันในปริมาณที่เพิ่มขึ้นในการประชุมสัปดาห์นี้

+ISM เผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กพุ่งสูงสุดรอบ 7 เดือนในพ.ย.

+ครม.สรุปจัดตั้งกองทุน SSF ทดแทนกองทุน LTF หักลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินพึงได้แต่ไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี ถือยาว 10 ปี ลงทุนหลักทรัพย์ทุกประเภท

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 280.23 จุด -1.01% หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า

-จีนลั่นพร้อมใช้มาตรการตอบโต้ หลังสภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.คว่ำบาตรจีนกรณีสิทธิมนุษยชนในซินเจียง

-สภาผู้ส่งออกปรับลดคาดการณ์ส่งออกปี 62 เป็นหดตัว -3% ถึง -2.5% (จากเดิมคาด -1.5%) ส่วนปี 63 คาดโต 0-1%

-ตัวเลข GDP SME ไตรมาส 3/62 ขยายตัวได้ 3.1% ประเมินทั้งปีโต 3.5% จากเดิมคาดโต 3.5-4%

-FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) กังวลผลประกอบการบจ. และภาวะศก.ในประเทศ

*จับตาการประชุมกกร. สหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย. PMI ภาคบริการเดือนพ.ย. ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนอาจยืดเยื้อไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,555-1,570 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. (TACC TNP JUBILE)
  • หุ้นได้ประโยชน์มาตรการ "บ้านดีมีดาวน์" (SPALI AP  LPN  PF  ORI ANAN)
  • หุ้น Defensive Stock (TTW BH  BCPG  BEM)

หุ้นรายงานพิเศษ

JUBILE “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 24.50 บาท

  • ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรปี 62 และปี 63 จาก 222 ลบ.และ 230 ลบ.สู่ 251 ลบ.และ 265 ลบ. เติบโต 31% และ 6%YoY ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทมีการใช้ข้อมูล Big data เข้ามาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าซึ่งสะท้อนออกมาในผลการดำเนินงานตั้งแต่ 2Q62 โดยเราคาดว่า 4Q62 จะได้แรงหนุนจากการวิเคราะห์ข้อมูล Big data และการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ อีกทั้งใน 4Q62 จะมีการจัดงานฉลองครบรอบ 90 ปีของบริษัทช่วยหนุนรายได้เพิ่มเติม
  • การออกคอลเลคชั่น JUBILEE Line Friends เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าจากวัยทำงานอายุ 30 ปีขึ้นไปสู่กลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุ 18-29 ปี เพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นคุ้นเคยกับการซื้อเครื่องประดับเพชร และในอนาคตเมื่อกลุ่มวัยรุ่นเติบโตขึ้นจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพของบริษัท
  • คงคำแนะนำ “ซื้อฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 17 เท่า (+1.0S.D.ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี) เพื่อให้สะท้อนถึงการกลับมาเติบโต ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 1.44 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมที่ 24.50 บาท มีอัพไซต์ราว 28% จากราคาปัจจุบัน และคาดหวังอัตราเงินปันผล 4.6 %ต่อปี

หุ้นมีข่าว   

·       (+) PTT (Bloomberg Consensus 50.36) คาดนำ"ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก"เข้าสู่กระบวนการยื่นไฟลิ่งใน Q1-Q2 ปี 63 (ที่มา อินโฟเควสท์)

·      (+) BTS (Bloomberg Consensus 15.23) วันนี้เปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพิ่มอีก 4 สถานีต่อจากสถานีห้าแยกลาดพร้าวไปถึงม.เกษตรศาสตร์ ได้แก่ พหลโยธิน24 รัชโยธิน เสนานิคม และม.เกษตรศาสตร์ ในวันที่ 5 ธ.ค. รถไฟฟ้าบีทีเอสจะเปิดให้บริการครบ 20 ปี ขณะนี้มีผู้โดยสารรวมใช้บริการทั้งระบบในวันทำการ 8.7 แสนเที่ยวคน/วัน วันศุกร์มีผู้โดยสารสูงสุด 9.9 แสนเที่ยวคน/วัน และคาดในปี 2563 ยอดผู้โดยสารสูงสุดจะแตะ 1 ล้านเที่ยวคน/วัน (ที่มา ประชาชาติธุรกิจ)

·      (+) KBS (Bloomberg Consensus - บาท) เตรียมจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน KBSPIF รับโอนรายได้ผลิตไฟฟ้ารวม 25.5 เมกะวัตต์ เข้าพอร์ตมูลค่าไม่เกิน 2,800 ล้านบาท คาดเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติภายใน ม.ค. 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) GGC (Bloomberg Consensus 12.72 บาท)  โปรยข่าวดี เนเจอร์เวิร์ก” ของสหรัฐฯ เตรียมเดินทางมาดูพื้นที่นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ม.ค. 63 เพื่อตั้งโรงงานพลาสติกชีวภาพ (PLA) แห่งที่ 2 ขณะที่รายได้ปีหน้าเติบโต หลังราคาขายผลิตภัณฑ์ขยับเพิ่ม (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) DDD (Bloomberg Consensus 23.07 บาท) แง้มผลงานไตรมาส 4/62 เด้ง! รับไฮซีซั่น ล่าสุดจับมือ พันธมิตรเกาหลี” ตั้งบริษัทร่วมทุน เจเอ็มเอส โกลบอล โซลูชัน” เพื่อนำผลิตภัณฑ์ของ GP Club บุกตลาดไทย ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 100 ล้านบาท นอกจากนี้เตรียมเสนอแผนงานปี 63 ต่อบอร์ดภายใน ธ.ค.นี้ คาดยอดขายโตกว่าปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 1 พันล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) MEGA (Bloomberg Consensus 38.25 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 4 ดีสุดของปีนี้ รับอานิสงส์ไฮซีซั่น มั่นใจทั้งปีรายได้โต 5-10% พร้อมย้ำเป้าปี 68 กำไรสุทธิพุ่ง 1,800-2,000 ล้านบาท จากยอดขายในประเทศเดิมโต การขยายตลาดใหม่ และธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาเสริม (ที่มา ข่าวหุ้น)

·       (+) ARROW (ราคาเหมาะสม 10.50 บาท) เผยกลยุทธ์ปี 2563 เกาะติดงานภาครัฐ ชี้หากได้งานตามแผน ดันสัดส่วนพุ่งแตะ 55% จากเดิมที่ 50% ด้านผู้บริหาร "ธานินทร์ ตันประวัติ" ปั๊มรายได้สิ้นปี 1.5 พันล้านบาทฉลุย ส่วนปีหน้าคาดโต 5% ต่อจากปีนี้ ส่งซิกมีลุ้นคว้างานใหม่ 300 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) HPT (Bloomberg Consensus - บาท) ผนึกพันธมิตรอัพไลน์ผลิตสินค้าใหม่ วางงบลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท ด้านแม่ทัพหญิง ตั้งเป้ายอดขายปี 2563 โตกระโดดถึง 50% ส่งซิกผลงานโค้งท้ายไตรมาส 4/2562 สดใส ชูบริษัทย่อยหนุน พร้อมเดินหน้าลุยส่งออกต่อเนื่อง จัดทัพบุกฟิลิปปินส์ ลาว (ที่มา ทันหุ้น)