สนธิรัตน์นั่งหัวโต๊ะ กบง.เคาะโมเดลโรงไฟฟ้าชุมชน

สนธิรัตน์นั่งหัวโต๊ะ กบง.เคาะโมเดลโรงไฟฟ้าชุมชน

“สนธิรัตน์” นั่งหัวโต๊ะประชุม กบง.วันนี้(4ธ.ค.) เตรียมคลอดโมเดลโรงไฟฟ้าชุมชน รับซื้อไฟ 500-1,000เมกะวัตต์ หลังครม.รับทราบมติ กพช.วางกรอบโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก 6 ข้อ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (3ธ.ค.) มีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ครั้งที่ 1/2562 เห็นชอบกรอบนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะเลขานุการฯเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ เห็นชอบให้ กพช.ไปพิจารณาประกอบการจัดทำรายละเอียด6 ข้อ ได้แก่ 1.ควรสามารถผลิตไฟฟ้าให้ชุมชนได้อย่างมีเสถียรภาพและไม่เป็นภาระต่อระบบ 

2.ควรเน้นผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองในชุมชนให้มากที่สุดเป็นอันดับแรกและให้มีไฟฟ้าส่วนเดินเหลือขายเข้าระบบน้อยที่สุด 3.ควรพิจารณากรอบวัตถุประสงค์และกฎระเบียบการใช้เงินจากกองทุนต่างๆ ที่จะนำมาใช้สนับสนุนในโครงการให้เหมาะสม

4.ควรพิจารณาถึงการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้เป็นเชื้อเพลิง 5.ควรกำหนดขั้นตอนและหลักเกณฑ์การพิจารณาโครงการให้มีความชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรม และ 6.ควรกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนรอบโครงการโดยมอบหมายให้ กบง.ดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการฯและให้นำเสนอ กพช.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมการค้าพลังงานขยะ  กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังจับตาการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)วันนี้(4ธ.ค.) เพื่อรอความชัดเจนการประกาศนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน ที่คาดว่าจะส่งเสริมรับซื้อไฟฟ้าราว 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดหวังที่จะให้ภาครัฐรับซื้อไฟฟ้าจากไบโอแมส และไบโอแก๊ส ในอัตราใกล้เคียงกับปัจจุบัน และเข้าใจว่าจะส่งเสริมให้ชุมชนเข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้าในสัดส่วนราว 10% ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ อัตราผลตอบแทนการลงทุน(IRR)ของภาคเอกชน ก็ยังจะอยู่ที่ระดับกว่า 10% ถือว่าเป็นระดับที่ดำเนินโครงการได้ 

นอกจากนี้ ยังอยากเห็นภาครัฐประกาศกำหนดมาตรการการลงทุนโดยให้ใช้อุปกรณ์และวัตถุดิบในประเทศเป็นหลักราว 60-70% เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศอย่างแท้จริง

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมกบง. วันนี้(4ธ.ค.)ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน นอกจากจะพิจารณารูปแบบโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนแล้ว ยังจะมีการพิจารณาแนวทางส่งเสริมการใช้ดีเซล บี10 ให้ได้ตามเป้าหมายที่กระทรวงพลังงานตั้งไว้ อยู่ที่ 57 ล้านลิตรต่อวันในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า โดยทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) และสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน(องค์การมหาชน) หรือ สบพน. เตรียมนำเสนอมาตรการขยับส่วนต่าง

ราคาไบโอดีเซล ทั้งน้ำมันปาล์มบริสุทธิ 100% (บี100), ดีเซล บี10 และดีเซล บี20 เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ดีเซล บี10 มากขึ้น จากปัจจุบันมียอดการใช้ดีเซล บี10 อยู่ที่ประมาณ 1 แสนลิตร

“เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงพลังงาน ได้หารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน และผู้ผลิตไบโอดีเซล โดยแจ้งว่า มีแนวคิดที่จะปรับส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลบี10 ห่างกับบี20 อยู่ที่ 50 สตางค์ต่อลิตร จากปัจจุบันต่างกันอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร เพื่อต้องการกระตุ้นการใช้บี10 ให้เป็นไปตามเป้า ซึ่งอาจจะต้องขยับราคาในส่วนของบี100 ด้วย แต่จะปรับราคาอย่างไรนั้น ต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุม กบง.ก่อน”

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ทางสบพน. ได้จัดทำแผนลดการชดเชยน้ำมันจากเชื้อเพลิงชีวภาพ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องรอการปรับปรุงแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก(เออีดีพี) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อนำมาปรับแผนการดำเนินงานของ สบพน.ให้สอดรับกับทิศทางส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพในระยะยาว ก่อนที่จะนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)บริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพิจารณากำหนดมาตรการลดการชดเชยน้ำมันจากเชื้อเพลิงชีวภาพต่อไป