ภาคการผลิตหดตัวฉุดดาวโจนส์ดิ่งเกือบ 300 จุด

ภาคการผลิตหดตัวฉุดดาวโจนส์ดิ่งเกือบ 300 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์(2ธ.ค.)ปรับตัวร่วงลง 267 จุด หลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ปรับตัวอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 267.35 จุด หรือ 0.95% ปิดที่ 27,784.06 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 27 จุดหรือ 0.86% ปิดที่ 3,113.98 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 97.48 จุดหรือ 1.12% ปิดที่ 8,567.99 จุด

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4

ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และสต็อกสินค้าคงคลัง

ภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 35 เดือน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง

อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของดัชนีภาคการผลิตของไอเอสเอ็ม สวนทางกับข้อมูลของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 51.3 ในเดือนต.ค.

ดัชนี พีเอ็มไอ ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว

ดัชนี พีเอ็มไอ ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่สู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่การจ้างงานสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. แต่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน