‘อสังหาฯ’ลุยเปิดโครงการใหม่ ชี้ ‘มาตรการรัฐ’ หนุนเร่งระบายสต็อก

‘อสังหาฯ’ลุยเปิดโครงการใหม่ ชี้ ‘มาตรการรัฐ’ หนุนเร่งระบายสต็อก

กลุ่มอสังหาฯ ยิ้มรับอานิสงส์มาตรการรัฐ มั่นใจช่วยปลุกกำลังซื้อช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงปีหน้า เตรียมเปิดโครงการใหม่คึกคัก หลังเร่งระบายสต็อก ดันผลดำเนินงานพลิกฟื้นตัว โดย “ลลิล” จ่อเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการในปีหน้า ขณะ “ชีวาทัย” ลุ้นกลับมามีกำไร

ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ต่างขานรับมาตรการรัฐที่ช่วยลดภาระให้กับประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ผ่านมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์-ค่าจดจำนองเหลือ 0.01% รวมไปถึงมาตรการคืนเงินดาวน์ให้ 50,000 บาทต่อราย ผ่านโครงการบ้านดีมีดาวน์ ขณะเดียวกันยังช่วยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐอีกหลายแห่ง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ มั่นใจว่า ผลดำเนินงานในปีหน้าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น

นายเสรี สินธุอัสว์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและเลขานุการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN กล่าวว่า มาตรการที่ภาครัฐออกมา เชื่อว่าส่งผลดีต่อบริษัท เพราะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ประกอบกับโครงการของบริษัทมีราคาขายในโซนต่างจังหวัดเริ่มต้นตั้งแต่ 1.3 ล้านบาท และในเขตกรุงเทพฯ มีราคาขายตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จึงน่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐอย่างเต็มที่

สำหรับผลประกอบการในปีนี้มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 4,650 ล้านบาท จาก 9 เดือนแรกที่ทำได้แล้ว 3,400 ล้านบาท โดยมองไตรมาส 4/2562 น่าจะทำได้อีก 1,250 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 700-800 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปีหน้า โดยปีนี้บริษัทเปิดโครงการใหม่ได้ครบตามแผนจำนวน 9 โครงการ มูลค่า 6,800 ล้านบาท ซึ่งช่วยหนุนให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ระดับ 5,300 ล้านบาท

ส่วนรายได้ปี 2563 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดยบริษัทเตรียมเปิดโครงการแนวราบใหม่ประมาณ 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท และวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 1,000 ล้านบาท

นางสาวสุนันทรา มหาประสิทธิ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้ไว้ราว 1,600 ล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่ามาตรการรัฐและมาตรการของธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในช่วงที่เหลือของปีนี้และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562 คาดว่าจะเติบโตได้มากกว่าในช่วงไตรมาส 3/2562 หลังจากบริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1,583 ล้านบาท โดยจะรับรู้ปีนี้อีก 323 ล้านบาท และราว 1,260 ล้านบาทภายในปีหน้า

“คาดว่าอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐจะเริ่มส่งผลบวกในช่วงต้นปี 2563 และช่วยสนับสนุนให้แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีหน้ามีโอกาสที่จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีนี้ที่คาดว่าจะยังติดลบ”

สำหรับในปีหน้า บริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,100 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นโครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) จำนวน 3 โครงการ และโครงการแนวราบที่เปิดใหม่อีกจำนวน 2 โครงการ แตกต่างจากปีนี้ที่ยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติม

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S กล่าวว่าแม้บริษัทจะไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐโดยตรง เพราะลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมาย แต่เชื่อว่าน่าจะช่วยกระตุ้นทางอ้อมในเชิงจิตวิทยาภาพรวมของกลุ่มอสังหาฯได้ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 จะเติบโตประมาณ 20% จากปีนี้ เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมและรายได้จากธุรกิจโรงแรมใหม่ 2 แห่งในประเทศมัลดีฟส์ที่รับรู้เข้ามาเต็มปี