เจาะไมล์สโตน “แอมเวย์” โกยยอดขายทะลุ 2 หมื่นล้าน

เจาะไมล์สโตน “แอมเวย์” โกยยอดขายทะลุ 2 หมื่นล้าน

ภาพจำธุรกิจขายตรงในอดีต คือนักธุรกิจจะทำหน้าที่เคาะประตูบ้านลูกค้าหรือ Door to door เพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการ แต่ยุคสมัยเปลี่ยน วิธีการทำตลาดและขายสินค้าต้องปรับตามไปด้วย

แอมเวย์” ยักษ์ธุรกิจขายตรงของโลกและในไทย จึงเดินกลยุทธ์แบบเดิมๆไม่ได้ 2 ปีที่ผ่านมา มีการปรับตัว เสริมความแข็งแกร่ง เพื่อเป็นองค์กรใหญ่ที่เคลื่อนตัวเร็ว มีความว่องไวหรือ Agility มากขึ้น

แม่ทัพใหญ่ กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่าแอมเวย์ดำเนินธุรกิจในไทยยาวนานถึง 32 ปี ผ่านจุดถูกมองในแง่ลบ แต่บริษัทพยายามสร้างความไว้วางใจในด้านสินค้าคุณภาพ สร้างแบรนด์ ทำการตลาดมาช่วย มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส ทั้งนี้ ธุรกิจยังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเสมอ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก การปรับตัวของบริษัทยังมีต่อเนื่องทุกปี โดยปรับใหญ่ทุก 5 ปี เมื่อบริษัทวางมาสเตอร์แพลนเคลื่อนธุรกิจอีก 10 ปีข้างหน้า หนึ่งในภารกิจสำคัญคือการมุ่งจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ให้เป็นนักธุรกิจแอมเวย์มากขึ้น ล้างภาพ Negative ของธุรกิจขายตรงในสายตาคนรุ่นใหม่

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญได้ปรับโครงสร้างรายได้ของนักธุรกิจแอมเวย์ทุกระดับด้วยโปรแกรม “คอร์พลัส”(CORE PLUS+) เพื่อเพิ่มรายได้ช่วงต้น ทำให้ได้ผลตอบแทนทันทีตั้งแต่จำหน่ายสินค้าครั้งแรก โดย 3 เดือนที่คลอดโปรแกรมดังกล่าวออกมาพบว่า ยอดนักธุรกิจใหม่เติบโตถึง 30% เป็นคนรุ่นใหม่สัดส่วน 1 ใน 3 และจ่ายผลตอบแทนให้นักธุรกิจกว่า 300 ล้านบาท จากเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท

ยุคนี้ “ดิจิทัล” ทรงพลัง เป็นเครื่องมือในการช่วยทำธุรกิจและการตลาดได้อย่างดี ประกอบกับช่วยให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ในปี 2563 จะเห็นแอมเวย์ ลงทุนครั้งใหญ่พร้อมดึงผู้ทรงอิทธิพล(Influencer)บนโลกออนไลน์มาใช้

ทั้งนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยคุ้นเคยในการใช้ดิจิทัลอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการแชท เสพโซเชียลมีเดีย แต่การนำมาต่อยอดดำเนินธุรกิจยังค่อนข้างน้อย ขณะที่แอมเวย์ในจีนซึ่งเป็นตันแบบในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล เพียง 4 ปี มีการใช้สัดส่วนถึง 80% ส่วนไทยมีเพียง 15% เท่านั้น

การปรับตัวครั้งใหญ่ เราให้ความสำคัญมากกับเรื่องดิจิทัล ซึ่งไปเร็วมาก เรามีวิสัยทัศน์เตรียมไว้ คือการใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ สร้างแพลตฟอร์มในการทำตลาด โลกดิจิทัลไปทางไหน แอมเวย์จะไปทางนั้น แม้ประชากรไทยจะใช้งานดิจิทัลไม่แพ้ชาติอื่นในโลก แต่การนำมาใช้เพื่อทำธุรกิจอาจจะยังล้าหลังประเทศอื่นบ้าง

สำหรับภาพรวมธุรกิจขายตรงในไทยปีนี้มีมูลค่าราว 7 หมื่นล้านบาท เติบโต 1% โดยขนาดธุรกิจแอมเวย์มีสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของตลาด ในปีนี้ยอดขายบริษัทคาดว่าทะลุ 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% จากปีก่อน ส่วนปีหน้าภาพธุรกิจขายตรงที่เป็นองค์กรใหญ่ที่มีศักยภาพจะยังเติบโตได้ 5-6% ส่วนบริษัทขนาดเล็กอาจหายไปจากตลาด

“การดำเนินธุรกิจในยุคนี้ การบริหารจัดการให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เพราะโลกเปลี่ยนทุกวัน ผู้นำต้องเปลี่ยนวิธีคิด เพราะสิ่งที่ทำให้อดีตอาจไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคปัจจุบัน สำหรับแอมเวย์ปีนี้ยอดขายทะลุ 2 หมื่นล้านบาท ถือเป็นไมล์สโตนใหม่ และเรายังมุ่งสร้างการเติบโตต่อเนื่อง”

 

รัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การทำให้นักธุรกิจมีรายได้เร็วขึ้น สินค้าคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นสิ่งที่แอมเวย์ต้องขับเคลื่อนต่อ ขณะที่การทำตลาดจะนำสินค้าสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ที่ผ่านมามีการดึง “ป๊อก-ภัสสรกรณ์ และมาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ของแบรนด์นิวทริไลท์ และทำวิดีโอคลิปผ่านช่องทางยูทูป “ป๊อกกี้ ออน เดอะ รัน” ส่งผลให้การขายสินค้าเร็วขึ้น ส่วนสินค้าที่ทำตลาดในปัจจุบันจะต้องเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคแต่ละคน(Personalize)มากขึ้น และแบรนด์ต้องเน้นสร้างประสบการณ์แก่ผู้บริโภค

“จุดแข็งของแอมเวย์คือการเป็นบริษัทระดับโลก สามารถเรียนรู้การทำตลาดจากประเทศอื่นมาปรับใช้ มีเครื่องมือในการเจาะความต้องการผู้บริโภคเชิงลึกหรืออินไซต์ แชทบอท ทำตลาดเชื่อมออฟไลน์ ออนไลน์ ซึ่งทำให้สามารถทำตลาดได้อย่างมีศักยภาพ ขณะที่ 32 ปีที่ผ่านมา แอมเวย์ปรับตัวในการดำเนินธุรกิจตลอด มี Big Bang ทุกๆ 5 ปี ธุรกิจสร้างการเติบโตต่อเนื่องเพราะนักธุรกิจ สินค้าของเรามีความแข็งแกร่ง สินค้าเดิมเติบโตได้ สินค้าใหม่เสริมทัพโต”