น้ำมันกดตลาด

น้ำมันกดตลาด

ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีปิดปรับตัวลงแรง คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ โดยถูกกดดันจากแนวโน้มการเจรจาการค้าที่เริ่มกลับมามีความไม่แน่นอน

นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายเริ่มเบาบางลง เนื่องจากขาดดัชนีชี้นำอย่างตลาดหุ้นนิวยอร์กทีหยุดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,590.59 จุด (-7.09 จุด) Volume 5.2 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,242.02 ลบ. TFEX Net  -50,247 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+สนง.สถิติจีนเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 54.4 และ PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 50.2 บ่งชี้ถึงการขยายตัว

+ยูโรสแตทเผยอัตราว่างงานยูโรโซนเดือนต.ค.ลดลงแตะ 7.5% ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี

+คลังเผยชิมช็อปใช้ เฟส 1-3 ผลตอบรับดี ยอดใช้จ่ายผ่าน g-Wallet 2 เพิ่มกว่า 10 เท่าใน 1 เดือน

+/-ธปท. คาดเศรษฐกิจไทยปี 63 เติบโตดีกว่าปีนี้แต่ไม่สูงนัก เหตุยังอยู่ในภาวะชะลอตัว

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 112.59 จุด -0.40% กังวลแนวโน้มการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน หลังจากปธน.ทรัมป์ลงนามอนุมัติกม.สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับจีนอย่างมาก

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 2.94 ดอลลาร์ -5.1% ปิดที่ 55.17 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความตึงเครียดครั้งใหม่จากการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน รวมทั้งการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่มีแนวโน้มแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ราคาน้ำมันยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายเดือน

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD +1.8 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.19 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผย PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. และ การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อ โดยมีแรงกดดันจากข่าวที่จีนจะไม่รับสัญญาการค้าที่ไม่มีการลดภาษีปัจจุบันลง ประกอบกับหุ้นกลุ่มพลังงานยังกดดันตลาด จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง -5.1% คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580-1,600 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นได้ประโยชน์กรณีกรมสรรพสามิตแตะเบรกภาษีความเค็ม (TKN TFMAMA)
  • หุ้นได้ประโยชน์มาตรการ "บ้านดีมีดาวน์" (SPALI AP LPN PF ORI ANAN)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากเลื่อนใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ หรือ TAS 32 ไปอีก 3 ปี (PTTEP CPALL CPF MINT IVL ANAN PF TTCL)

หุ้นรายงานพิเศษ

SQ Analyst Meeting (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus  3.17 บาท)

  • ผลประกอบการ 4Q19 ยังถูกกดดันจากค่าไฟส่วนเกินของงานโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 จำนวน 50 ล้านบาท แม้คาดว่า Utilization Rate จะกลับสู่ระดับปกติที่ 90-95% ได้ใน 4Q19 หลังประสบปัญหาจัดการเครื่องจักรใน 3Q19 ที่ผ่านมา
  • ปัจจุบันบริษัทมียอด Backlog ราว 2.9 หมื่นล้านบาท รองรับการรับรู้รายได้ประมาณ 9 ปี แบ่งเป็น งานโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท, งานโครงการเหมืองหงสา 9 พันล้านบาท และงานเพิ่มจากโครงการเหมืองหงสา มูลค่ากว่า 2.3 พันล้านบาท และงานโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 มูลค่า 550 ล้านบาท
  • เราคาดว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2020 หลังจากแก้ไขปัญหาต้นทุนน้ำมันและต้นทุนค่าเช่าจากการใช้งานเครื่องจักรในช่วงฤดูฝนที่ไม่ได้ตามแผนได้ ประกอบกับเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัท เมือง ก๊ก เอ็นเนอยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ที่ถือหุ้น 70% ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้รับสิทธิในสัมปทานในการทำเหมืองทั้งหมด ในโครงการเหมืองถ่านหิน เมืองก๊ก ซึ่งโครงการดังกล่าวมีปริมาณถ่านหิน 8.4 ล้านตัน โดยคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ใน 3Q20

ส่องหุ้น

             CBG แนวรับ 86.75 บาท            แนวต้าน 89.00-89.25 บาท

             TFG แนวรับ 4.60-4.58 บาท       แนวต้าน 4.76 , 4.96 บาท

             BOL แนวรับ 3.18 บาท              แนวต้าน 3.26-3.28 , 3.36-3.38 บาท

หุ้นมีข่าว   

·      (+) TQM (Bloomberg Consensus 55.50 บาท)  เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯครบรอบ 1 ปีวันที่ 20 ธ.ค.นี้ พร้อมวางแผนแตกพาร์หวังเพิ่มสภาพคล่องหุ้น หลังได้เข้าคำนวณใน MSCI และถูกคาดหมายว่าจะเข้า SET100 ด้านผู้บริหารวางเป้ายอดขายปี 63 โตมากกว่า 10% จากปีนี้ที่มีเบี้ยรับ 1.27 หมื่นล้านบาท ส่วนไตรมาส 4/62 จะทำนิวไฮสูงสุดของปี เผยนักลงทุนสถาบันและต่างชาติขอซื้อหุ้นเพิ่ม แต่จะไม่มีการขายหุ้นออกมาจากผู้ถือหุ้นใหญ่ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) BGRIM (Bloomberg Consensus 47.29 บาท) วางเป้าปี 2570 ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าพุ่ง 10,000 เมกะวัตต์ จากปี 65 คาดทำได้ 5,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ปี 63 คาดรายได้โต 15-20% จากปี 62 คาดรายได้พุ่ง 4.4 หมื่นล้านบาท จ่อ COD เพิ่ม 55 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ BGRIM-RATCH ลุ้นนำเข้า LNG ในปี 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) GUNKUL (Bloomberg Consensus 3.61 บาท) ลั่นรายได้ปี 63 ทำนิวไฮ 10,000 ล้านบาท หลังจ่อ COD โซลาร์ฟาร์มเพิ่มอีก 120 เมกะวัตต์ จ่อประมูลงานใหม่ 15,000 ล้านบาท คาดได้งาน 30% หรือราว 5,000 ล้านบาท พร้อมลุ้นได้งานเคเบิลใต้น้ำ ดันแบ็กล็อกสิ้นปี 62 พุ่ง 10,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

·       (+) DEMCO (Bloomberg Consensus 3.38 บาท) เซ็นสัญญากับกฟผ. โครงการขึงสายวงจร 2 สายส่ง 115 เควี ยะลา 2- นราธิวาส และขึงสายวงจร 2 สายส่ง 115 เควี นราธิวาส-สุไหงโกลก มูลค่าโครงการรวม 120.29 ล้านบาท หนุนแบ็กล็อกเฉียด 3.0 พันล้านบาทย้ำผลงานปีนี้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) AH (Bloomberg Consensus 15.30 บาท) รุกตลาดต่างประเทศ ยุโรป, ตะวันออกกลาง, ออสเตรเลีย, และอินเดีย ปั๊มเป้ารายได้ปีหน้าโต 10% ต่อเนื่องจากปีนี้ ยันเร่งปิดดีล SAGUSA ดันกำไรปีหน้าปรับตัวดีขึ้น แย้มผลงานไตรมาส 4/2562 เด่น ลุ่นรับออเดอร์จากอีซูซุ รายได้การผลิต OEM หนุน (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) SONIC (Bloomberg Consensus - บาท)  เล็งปล่อยสินเชื่อโลจิสติกส์ปีหน้า 140 ล้านบาท ด้านบิ๊กบอส "สันติสุข โฆษิอาภานันท์" ชี้ D/E ต่ำ มองหาแหล่งเงินทุนง่าย ฉายทิศทางธุรกิจปี 63 โตตามปกติที่ 20% เตรียมเปิดกระเป๋ารับทรัพย์นิคมปิ่นทองเต็มปี พร้อมลุยขยายคลังสินค้าเพิ่ม 1.4 หมื่นตารางเมตร (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) JKN (Bloomberg Consensus 9.65 บาท) พุ่งเป้าขยายฐานเอเชียเต็มสูบ หวังพอร์ตรายได้ต่างประเทศพุ่งแตะ 35% ในปี 2563 พร้อมวางหมากปีหน้ารายได้พุ่ง 10-15% จากปี 2562 รับฐานลูกค้าขยายตัวต่อเนื่อง แถมเล็งทุ่มงบ 1 พันล้านบาท เสริมทัพคอนเทนต์ใหม่ กรุยทางรับทรัพย์เพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)