หอการค้าไทย คาดปีหน้าเศรษฐกิจไทยโต 3.1 %

หอการค้าไทย คาดปีหน้าเศรษฐกิจไทยโต 3.1 %

หอการค้าไทยประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2563 ขยายตัว 3.1 % โดยการส่งออกจะพลิกกลับมาเป็นบวก 2.1 % จากปี 62 ที่ติดลบ ด้านหอการค้า 5 ภาค เตรียมเสนอกฎหมายอากาศสะอาดต่อปธ.สภาฯ 2 ธ.ค.แก้ปัญหาฝุ่นพิษ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยว่า  จากประชุมกับตัวแทนหอการค้า ใน 5 ภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคกลาง, ภาคเหนือ ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ , ภาคตะวันออกและภาคใต้ ได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2562-2563 ว่า  คาดว่าเศรษฐกิจไทย จะเติบโตได้ 3.1%  การส่งออกจากจะพลิกกลับมาเป็นบวก1.8%    อัตราเงินเฟ้อ ปีหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1%จากอัตรา 0.8%ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังสามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก 0.25%  โดยเศรษฐกิจไทยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในปลายไตรมาส 1 ปีหน้า  ซึ่งมีปัจจัยมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ปัญหาสงครามการค้าเริ่มผ่อนคลายและเบรทซิทออกแบบมีดีล และค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ระดับเหนือ 30.50 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ค่าเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่อการส่งออก ซึ่งภาคเอกชนมีความกังวล และมีโอกาสหลุด 29.00 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นหลักประกันว่าในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 3%หอการค้าทั้ง 5 ภูมิภาค ได้มีข้อเสนอถึงรัฐบาล ได้ขอให้ผลักดันราคาพืชผลทางการเกษตร โดยภาครัฐรับซื้อไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเช่นราคาซอยซิเมนต์,การส่งเสริมหน่วยงานรัฐให้จัดประชุมสัมมนาในจังหวัดเมืองรอง,และแหล่งท่องเที่ยวชุมชนภายใต้งบประมาณที่สามารถดำเนินการได้ในปัจจุบันเพื่อกระจายรายได้ในภูมิภาค, การบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ เหมาะสมกับความต้องกสารใช้น้ำในภาคเกษตร, อุตสาหกรรม ,ภาคบริการในภูมิภาคต่างๆ เพื่อรองรับและบรรเทากระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งและน้ำท่วมโดยขุดบ่อน้ำเพิ่มใช้แรงงานท้องถิ่น, สนับสนุนให้รัฐมีองค์กรดูแลอากาศสะอาดและพ.ร.บ.สะอาด  ผลักดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกให้กับภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวของไทย

นายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ รองประธานหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า  ในวัน 2 ธ.ค. 62 ทางสมาชิกหอการค้าไทยจะเป็นตัวแทนผู้เริ่มยื่นเสนอร่างพ.ร.บ..อากาศสะอาด และสนับสนุนให้รัฐมีองค์กรดูแลอากาศสะอาด ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศรวมถึงฝุ่นพิษต่างๆ ที่ได้กระทบต่อสุขภาพคุณภาพชีวิตประชาชน รวมถึงกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งการท่องเที่ยว และบริการให้ชะลอตัวลง หลังจากที่มีผลสำรวจทางวิชาการระบุว่าปัญหาฝุ่นพิษได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเสียหายเฉพาะใน 10 จะหวัดภาคเหนือแล้วไม่ต่ำกว่าปีละ 163,313 ล้านบาท  

 “ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้จะนำรายชื่อผู้บริหารหอการค้าไทยและประธานหอการค้าในภูมิภาค 20 รายชื่อไปเสนอในการเสนอร่างพ.ร.บ.อากาศก่อน จากนั้นก็จะมีการล่ารายชื่อประชาชนไม่ต่ำกว่า 10,000 รายชื่อในการผลักดันให้สภาฯดำเนินการต่อไป เนื่องจากเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่และยังไม่มีหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบเหมือนกับเรื่องของมลพิษทางน้ำ และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เป็นต้น