'เงินบาท'ทรงตัว จับตาท่าที 'จีน-สหรัฐ'

'เงินบาท'ทรงตัว จับตาท่าที 'จีน-สหรัฐ'

สัปดาห์นี้ เงินบาทยังทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยช่วงต้นสัปดาห์นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯกับจีน

ก่อนที่ในช่วงปลายสัปดาห์ความกังวลว่าการเจรจาการค้าอาจจะไม่ราบรื่นส่งผลให้นักลงทุนลดการถือสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงปลายสัปดาห์   

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้า ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนมากขึ้นเนื่องจากใกล้กำหนดการที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค. 2562 ขณะที่มีประเด็นที่ยังต้องเจรจากัน เช่นเรื่องการให้สหรัฐฯยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจีน รวมถึงเรื่องความไม่พอใจของจีนต่อกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ลงนามกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงด้วย

ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุด ปิดการซื้อขายที่ 1,590.59 สัปดาห์ที่ผ่านมา (25-29 พ.ย.) ยังเป็นภาพของการอ่อนตัวลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน แม้ดัชนีจะพุ่งขึ้นไปยืนเหนือ 1,600 จุด ได้ในช่วงวันจันทร์ แต่หลังจากนั้น ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ ส่งผลให้ดัชนีปิดลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ลดลง 47 จุด หรือราว 2.8%

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ทิศทางตลาดจะหลุดระดับ 1,580 จุดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการตอบรับในเชิงลบซึ่งอาจส่งผลต่อการเจรจาการค้าหรือไม่ หากมีประเด็นเชิงลบเพิ่มเข้ามา ก็อาจส่งผลให้ดัชนีหลุดระดับ 1,580 จุด ลงไปทดสอบระดับ 1,563 จุด แต่หากไม่มีการตอบโต้ในเชิงลบ สัปดาห์หน้าอาจเห็นดัชนีฟื้นตัวกลับขึ้นไปที่ระดับ 1,600 - 1,620 จุด จากความหวังการเจรจาการค้า เม็ดเงินกองทุน LTF และ RMF รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาล

สำหรับราคาทองคำ บริษัท วายแอลจีบูลเลี่ยนแอนด์ฟิวเจอร์ส มองว่า จะแกว่งตัวในช่วงสั้นๆ โดยประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ระดับ 1,471 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านได้มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยปัจจัยหลักยังเป็นเรื่องของสงครามการค้าว่าจะมีข้อสรุปอย่างไรในระยะสั้นนี้