ศาลฎีกานักการเมือง ยกคำร้องขอให้ทรัพย์ 'สมบัติ อุทัยสาง' ตกเป็นของแผ่นดิน

ศาลฎีกานักการเมือง ยกคำร้องขอให้ทรัพย์ 'สมบัติ อุทัยสาง' ตกเป็นของแผ่นดิน

ศาลฎีกานักการเมือง พิพากษายกคำร้องอัยการสูงสุด ขอริบ 9 บัญชีเงินฝาก ธอส.ตกเป็นของแผ่นดิน จากเหตุ ป.ป.ช.กล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ ชี้ ข้อ กม.ปปช.รับเรื่องพ้นตำแหน่งเกิน 2 ปีแล้วไม่มีอำนาจจับคดี ลุ้นอุทธรณ์ได้อีกยก

ขณะที่คดีนี้ ทรัพย์สินซึ่งเป็นมูลเหตุ ของการกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกตินั้น ประกอบด้วย เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาคอนแวนต์ 3 บัญชี และเงินฝาก ธอส.สาขาพุทธมณฑล 6 บัญชี ที่มีการนำฝากระหว่างวันที่ 12 มี.ค.40 -18 ต.ค.43  อันเป็นช่วงระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร (ประธานบอร์ด) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  ขสมก. และเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการ (ประธานบอร์ด) องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แต่ระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดกล่าวหา นายสมบัติ ผู้ถูกกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทั่งเมื่อนายสมบัติ ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่งประธานบอร์ด ขสมก. - ตำแหน่งประธานบอร์ดองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ไปเกิน 2 ปีแล้ว ซึ่งเกินกว่าเวลาที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 75 พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช.แล้ว ดังนั้นย่อมมีผลทำให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ ที่จะรับพิจารณากรณี นายสมบัติ ผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด ขสมก.-และประธานบอร์ดองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้อีกต่อไป แม้ต่อมาจะได้มี พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2550 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. ฉบับที่ 2 พ.ศ.2554 แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเดิมปี 2542 มาตรา 66 , 75  แต่ก็ไม่มีบทบัญญัติใดให้นำมาตรา 66 , 75 ที่แก้ไขใหม่มาใช้บังคับกับคดีที่ล่วงพ้นกำหนดเวลาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะรับพิจารณาไต่สวนไปแล้วได้ จึงไม่ทำให้อำนาจการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่สิ้นสุดลงไปแล้ว กลับมีอำนาจขึ้นอีก

ประกอบกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งที่ 23/ 2552 ลงวันที่ 14 ม.ค.52 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย ว่านายสมบัติ ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย และตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ร่ำรวยผิดปกติ ก็เป็นกรณีที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้มาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทยและตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยร่ำรวยผิดปกติตามที่ระบุไว้ในคำสั่งดังกล่าวเท่านั้น คณะกรรมการป.ป.ช.ไม่มีอำนาจที่จะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยอ้างอิงตำแหน่งทั้งสองนี้เพื่อเป็นเหตุทำให้เกิดอำนาจไต่สวนย้อนหลังไปถึงทรัพย์สินที่ได้มาเมื่อล่วงพ้นกำหนดเวลาไต่สวนแล้วได้ ดังนั้น อัยการสูงสุด ผู้ร้อง จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง ขอให้สั่งให้เงินฝากดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินได้พิพากษายกคำร้อง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอย่างไรก็ดี สำหรับคำวินิจฉัยดังกล่าวนั้น ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้อีกตามกฎหมายใหม่ภายใน 30 วันนับจากวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา ซึ่งต้องรอดูว่า ป.ป.ช. ซึ่งเป็นผู้ไต่สวนคดีนี้จะแจ้งความประสงค์ต่ออัยการในการใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดีต่อไปอีกหรือไม่