ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

คาด SET แกว่งตัว 1,600 - 1,615 จุด จากภาวะตลาดที่ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index อ่อนตัวลง -2.11 จุด (-0.13%) ปิดที่ระดับ 1,607 จุด ด้วย Volume 5.1 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment บวกจากการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนเฟสแรกอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลง อย่างไรก็ตามดัชนีถูกแรงขายปรับพอร์ทหุ้น Defensive เช่นกลุ่มโรงไฟฟ้า สื่อสาร กดให้ดัชนีปิดในแดนลบเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,073 ล้านบาท และ Net Short TFEX จำนวน 2,853 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 89 ล้านบาท  

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,600 - 1,615 จุด จากภาวะตลาดที่ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าดัชนีจะยังคงได้แรงหนุนจากความคาดหวังการเจรจาการค้าแฟส 1 ระหว่างสหรัฐ-จีนที่ใกล้บรรลุข้อตกลง อย่างไรก็ตามล่าสุดการที่ปธน.ทรัมป์ลงนามร่างกฏหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงนั้นอาจสร้างความไม่พอใจให้กับจีนและส่งผลต่อสถานการณ์การเจรจาการค้าได้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกจะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้  

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม Domestic Play: AOT, ADVANC, INTUCH, BTS, BEM
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ GPSC, CPF, ERW, TASCO, EPG, SAWAD, MTC, JMT, BCH, CHG, BDMS
  • กลุ่มอสังหาฯ SPALI, PSH, LPN, AP อานิสงส์ครม.ออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯรอบใหม่

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BCH (ปิด 16.9 ซื้อ เป้า IAA Consensus 20 บาท) กำไรสุทธิยังเติบโตดี ระยะสั้นยังมี story และ Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากกลุ่มลูกค้าประกันสังคม โดยปกติจะมีการเจรจาเพื่อปรับค่ารักษาพยาบาลกันทุก 2 ปี (BCH ปรับขึ้นราคาครั้งสุดท้าย เมื่อเดือน ก.ค.ปี 2017)
  • CPF (ปิด 27.5 ซื้อ/เป้า 33.5) ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหมูในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 55 บาทต่อ ก.ก. เป็น 62 บาทต่อก.ก. เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก. ขึ้นเป็น 65,000 ดองต่อก.ก. ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ 3Q19 และ 4Q19 ฟื้นตัว

บทวิเคราะห์วันนี้

AOT (ปิด 78.25 ซื้อ/เป้า 87), CPF (ปิด 27.5 ซื้อ/เป้า 33.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) Trade war มี Sentiment ลบ หลังล่าสุด โดนัล ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้กฎหมายสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง: ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่าประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมาย "Hong Kong Human Rights and Democracy Act" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานในฮ่องกง รวมถึงการทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ เรามองว่าปัจจัยนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐเนื่องจาก กฏหมายดังกล่าวแสดงถึงการแทรกแทรงกิจการภายในของจีน และต้องติดตามท่าทีของจีนว่าจะมีการตอบโต้สหรัฐในทิศทางใด
  • (+) สหรัฐประกาศ GDP ไตรมาส 3/19 (ครั้งที่ 2) ขยายตัว 2.1% สูงขึ้นจากครั้งที่ 1 ที่ขยายตัว 1.9% ตอกย้ำมุมมองเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป: สหรัฐประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/19 (ครั้งที่ 2) ขยายตัว 2.1% ดีกว่าประมาณการณ์ครั้งแรกที่ขยายตัว 1.9% และ สูงกว่า GDP ไตรมาส 2/19 ที่ขยายตัว 2% ตัวเลขเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ในระดับปานกลางจะสนับสนุนให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม โดยเฟดมีกำหนดการประชุมครั้งถัดไปในช่วงวันที่ 10-11 ธ.ค.
  • (-) น้ำมันดิบ WTI ลดลง 30 เซนต์ ผิดหวังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 58.11 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ โดย EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 418,000 บาร์เรล นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5               
  • (+) กลุ่มสินค้าเกษตร – คณะกรรมการวัตถุอันตรายประกาศเลื่อนแบน วัตถุอันตราย คือ พาราควอต และ คลอร์โพริฟอส ออกไปอีก 6 เดือน : วานนี้ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย (คกก.) มีมติให้เลื่อนแบนวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 คือ พาราควอต และ คลอร์โพริฟอส ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมมีผลบังคับใช้ 1 ธ.ค.19 เป็น 1 มิ.ย.20 ส่วนวัตถุอันตราย ไกลโฟเซต ให้จำกัดปริมาณการใช้ เรามองมติของ คกก.วานนี้เป็นบวกต่อผลการดำเนินงานและ Sentiment ลงทุนของหุ้นในกลุ่มสินค้าเกษตร (CPF, GFPT และ TFG) เนื่องจากเดิมตลาดกังวลว่าการแบน 3 สารพิษดังกล่าวจะส่งผลทางอ้อมต่อการนำเข้าสินค้าเกษตรซึ่งมีสารพิษดังกล่าวตกค้างอยู่ อาทิ กากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และ กาแฟ โดยเฉพาะกากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ หากนำเข้าไม่ได้จะทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เป็นลบต่อผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการโดยตรง  (Top pick CPF และ GFPT)