ชงป.ป.ช.สอบ“3ส.ส.”ฮุบ800ไร่ กมธ.จ่อสอบ‘ปารีณา’แจ้งเท็จ

ชงป.ป.ช.สอบ“3ส.ส.”ฮุบ800ไร่   กมธ.จ่อสอบ‘ปารีณา’แจ้งเท็จ

“ศรีสุวรรณ” นำข้อมูล 2 ภท. - 1 พปชร. “รุกที่กว่า 800 ไร่ แย้มมีรายชื่ออีกอย่างน้อย 3 รายเข้าคิวยื่น ป.ป.ช. “เรืองไกร”ยื่นข้อมูลที่ดิน “สิระ” ขณะที่ กมธ.ป.ป.ช.จ่อสอบ “ปารีณา” รุกป่า - แจ้งทรัพย์สินเท็จ "วีระ”หวั่นใช้อิทธิพลการเมืองบิดผลคดี

หลายฝ่ายได้ตรวจสอบการถือครองที่ดินของนักการเมืองรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากกรณีที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ล่าสุด วานนี้(27 พ.ย.)นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผ่านนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ 3 ราย 

ประกอบด้วย 1.นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ครอบครองที่ดิน 200 ไร่ 2.นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย ถือครองที่ดิน133 ไร่ และ 3.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส. พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ ถือครองที่ดิน 498 ไร่ หลังตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ของ ส.ส.ทั้ง 3 คน กรณีเข้ารับตำแหน่งปรากฏชัดเจนว่า มีทรัพย์สินและมีรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมากย่อมรู้ตัวว่า เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิครอบครอง

“ผมจะยื่นคำร้องไปยังกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก. ให้เอาผิด ส.ส.ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบส.ส.เพิ่มเติมอีก 2-3 คน ที่น่าจะเข้าข่ายกรณีเดียวกัน” นายศรีสุวรรณ กล่าว

เรืองไกรร้องป.ป.ช.สอบที่ดินสิระ"

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เปิดเผยว่า ที่ดิน น.ส. 3 ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 2 แปลง ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีสารบบเลขที่ติดต่อกัน เนื้อที่เท่ากัน คือแปลงละ 50 ไร่ แต่กลับมีการแสดงราคาแตกต่างกัน คือแปลงเลขที่ 97 แสดงราคา 100 ล้านบาท และแปลงเลขที่ 98 แสดงราคา 10 ล้านบาท เป็นการแสดงราคาที่แตกต่างกันถึง 90 ล้านบาท

กรณีดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรสงสัยที่จะต้องร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า การยื่นบัญชีที่ดินทั้ง 2 แปลงของนายสิระ เป็นไปโดยถูกต้องครบถ้วน ตามความในพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2561หรือไม่ โดยจะส่งเรื่องร้องไปยัง ป.ป.ช.ทางไปรษณีย์ EMS ที่ทำการสภาฯ ในวันนี้(27 พ.ย.)

สิระอ้างแจ้งมูลค่าที่ดินผิดพลาด

ด้านนายสิระ ชี้แจงว่า การถือครองที่ดินดังกล่าว คือ กรณีที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เนื้อที่ 50 ไร่ โดยผู้มีสิทธิ์ครอบครอง คือนางสรัลรัศมิ์ เตชะจิรสิน คู่สมรส จากเดิมระบุมูลค่าปัจจุบัน 100 ล้านบาท แก้ไขเป็นมูลค่าปัจจุบัน 10 ล้านบาท เนื่องจากพิมพ์ผิดพลาด และไม่ได้ตรวจทานโดยถี่ถ้วน

ตนยอมรับว่าการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของตนต่อ ป.ป.ช.นั้น ครั้งแรกให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ แต่พบการแจ้งราคาผิด คือ 90 ล้านบาท แต่ตนได้แก้ไขในภายหลัง เป็น 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2562

ซึ่งการตรวจสอบของนายเรืองไกร ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบและสุจริต อย่าใช้เป็นประเด็นเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเรืองไกรได้ยื่นตรวจสอบตน กรณีถือครองหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ซึ่งเลิกกิจการไปแล้วกว่า 20 ปี

"ผมยังไม่จัดการคุณเรืองไกรเลย สงสัยครั้งนี้ต้องให้ทนายจัดการสักครั้ง ท่านบอกเป็นนักตรวจสอบบัญชี แต่ท่านตรวจสอบอย่างไร ที่มากล่าวหาบริษัทผม ทั้งที่ยกเลิกกิจการไปนานแล้วผมก็มีฝ่ายกฎหมาย นักบัญชีตรวจสอบ ผิดพลาดแบบนี้เข้าข่ายกลั่นแกล้งหรือไม่ ผมไม่ยอมแล้วเที่ยวนี้” นายสิระ กล่าว

ดำรงค์เตือนอุ้มปารีณาโทษคุก

ส่วนกรณีการถือครองที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความพยายามทำให้ที่ดิน ภบท.5 ของ น.ส.ปารีณาเข้าไปอยู่ในเขต ส.ป.ก. ตามคำร้องขอของน.ส.ปารีณา ทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้ ล่าสุด หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยออกมาเตือนว่า การกระทำดังกล่าวไม่สามารถทำได้ตามกฎหมายและหากใครดึงดันคิดช่วยเหลือก็อาจจะมีความผิดถึงขั้นติดคุก

นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่มีความพยายามจะทำให้ที่ดิน ภบท.5 ของ น.ส.ปารีณา เข้าไปอยู่ในเขต ส.ป.ก. และให้มีการรังวัดพื้นที่ใหม่โดยระบุว่าที่ดิน 46 ไร่ ที่น.ส.ปารีณา ถือครอง มีแนวโน้มไม่ใช่พื้นที่ป่าว่า วันนี้ปฏิรูปที่ดินต้องเลิกพูดเรื่องนี้ได้เลย เพราะพื้นที่ที่กรมป่าไม้มอบให้ ส.ป.ก. หากยังไม่จัดสรรเป็นที่ดินปฏิรูปก็ถือว่ายังมีสภาพเป็นพื้นที่ป่าตามกฎหมายป่าไม้ แม้ประกาศเขตปฏิรูปไป แต่ยังไม่มีการยกเลิกเพิกถอนพื้นที่ป่าสงวน ก็ยังคงมีสภาพเป็นพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษากรณีลักษณะนี้แล้วที่ จ.ชัยภูมิ

“ที่สำคัญในคดีที่ดินป่าสงวน เคยมีผู้ยิ่งใหญ่ระดับอดีตรัฐมนตรีที่เป็น พลเอก ติดคุกมาแล้ว และเสียชีวิตในคุกด้วย ดังนั้นจึงขอเตือนว่าเรื่องคดีป่าไม่มีใครช่วยใครได้ และจะพากันจมน้ำตายหมด ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ไม่ได้มีอคติกับ น.ส.ปารีณา หรือใคร ในฐานะที่เคยทำงานจับกุมคดีมา ตั้งแต่เป็นป่าไม้เขต จนเป็นอธิบดี วันนี้ต้องเลิกพูดเรื่อง ส.ป.ก. เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังมีสภาพเป็นป่า และใบ ภบท.5 ในภาษาของเจ้าหน้าที่ป่าไม้เรียกว่าเป็น ใบรับสารภาพ มีการบุกรุก เสียภาษีดอกหญ้ามาก่อนประกาศเขตปฏิรูปในปี 2554 

นอกจากนั้น วันนี้กรมป่าไม้ต้องไปติดตามจากใบ ภบท.5 ที่ น.ส.ปารีณาแจ้งไว้กับป.ป.ช. อีกว่าที่ดินอีกจำนวน 1,000 ไร่ อยู่ที่ไหนบ้าง โดยที่ดินที่พบเวลานี้มี 600 กว่าไร่ เป็นผืนติดต่อกัน ส่วนที่ดินที่เหลืออาจเป็นผืนแยกย่อยไม่ได้รวมแปลง และเป็นหน้าที่ที่กรมป่าไม้ต้องไปติดตาม ให้เจ้าของที่ดินมานำชี้และดำเนินคดีเป็นรายกระทงไป” นายดำรงค์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่าจะมีการนำแผนที่วันแมพมาใช้ในการแก้ปัญหากรณีที่ดิน พร้อมทั้งมีการรังวัดพื้นที่ใหม่ตามข้อเรียกร้องของ น.ส.ปารีณา ว่า เท่าที่ทราบ วันนี้แผนที่วันแมพยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ ยังไม่มีผลในทางกฎหมาย เพราะยังไม่ผ่านการพิจารณาของ ครม. เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องการรับรองแนวเขต อีกทั้งวันแมพจะนำมาใช้ได้ในกรณีที่เป็นความขัดแย้งระหว่างที่ดินของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กับกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ในเรื่องการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนในพื้นที่ป่าเพราะกรมที่ดินไม่มีแผนที่เป็นของตัวเอง

ส่วนที่ดินระหว่าง ส.ป.ก.กับกรมป่าไม้นั้น มีแผนที่กำหนดขอบเขตชัดเจนตั้งแต่แรก และกรณีที่ดินของ น.ส.ปารีณา ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนที่ต้องดึงวันแมพมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเรื่องนี้แนวเส้นป่าสงวนกับ ส.ป.ก.มันชัดเจน แต่คนมองสายตาไม่ดีจึงไปโทษเส้นแนวเขตและไปดึงเอาวันแมพมาเกี่ยวข้อง หากยังไม่มีการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ผู้มีอำนาจในกรมป่าไม้เสี่ยงติดคุกสูง หากหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะกฎหมายอาญามาตรา 157 จะตามหลอกหลอน

ประวิตรยันไม่มีอุ้มคดี

ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีการอุ้มคดีแน่นอน จะไปอุ้มอะไรได้อย่างไร เจ้าหน้าที่เขาก็ตรวจสอบกันอยู่ ใครจะไปอุ้มอะไรได้ วันนี้จะไปเอื้อประโยชน์ทางกฎหมายได้อย่างไร ในส่วนรายละเอียดไม่ทราบ โดยเฉพาะข่าวที่ว่า น.ส.ปารีณาจะนำที่ดินบางส่วนไปอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ทั้งหมด เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

ส่วนการขอรังวัดที่ดินใหม่ เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องไปหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงต้องร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ส่วนที่ถามว่าหากเป็นชาวบ้านที่ไม่ใช่ น.ส.ปารีณา จะสามารถทำได้เช่นนี้หรือไม่นั้น สามารถทำได้เหมือนกัน